ตาเสื่อม ชะลอได้ด้วยวิถีธรรมชาติ
รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เภสัชกรหญิงอ้อมบุญ วัลลิสุต ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุถึงสมุนไพรและสารธรรมชาติชนิดที่ช่วย ชะลอตาเสื่อม และช่วยให้ดวงตามีสุขภาพดี ดังนี้
ตัวเลือกธรรมชาติ ชะลอตาเสื่อม
หญ้าฝรั่น
เป็นเครื่องเทศและใช้ในยาแผนโบราณ เป็นสารต้านพิษ มีสารสำคัญคือ Crocin และ Crocetin มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การทดลองในหนูพบว่า หญ้าฝรั่นช่วยเพิ่มระดับกลูตาไทโอน จึงสามารถลดผลเสียจากการที่หนูได้รับแสงจ้าเป็นเวลานานและป้องกันการตายของเซลล์จอประสาทตาได้ อีกทั้งมีการทดลองทางคลินิกในคนที่เริ่มเป็นจอประสาทตาเสื่อมด้วยการให้หญ้าฝรั่นวันละ 20 มิลลิกรัม ต่อเนื่อง 90 วัน พบว่า จุดภาพชัด (Macula) ในตาทำหน้าที่
ได้ดีขึ้น
ขมิ้น
มีสารสำคัญคือ Curcumin มีผลช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ และยับยั้งการผลิตไซโตไคน์ที่ทำให้เกิดการอักเสบหลายชนิด มีการทดลองพบว่า สามารถปกป้องจอประสาทตาของหนูทดลองได้ และมีการทดลองอีกหลายรายงานในหนู ที่แสดงว่าเคอร์คูมินช่วยป้องกันภาวะเบาหวานขึ้นจอตาและต้อกระจกได้
องุ่นแดง
มี Resveratrol ซึ่งเป็นสารพอลิฟีนอลที่มีการศึกษาผลของสารนี้ต่อเส้นเลือด พบว่า มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน สามารถยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ยับยั้งสารก่อการอักเสบ ยับยั้งการสร้าง Endothelin ที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว การทดลองในหนูยังพบว่า เรสเวอราทรอล ลดการทำลายของหลอดเลือดในหนูที่เป็นเบาหวานได้ จึงน่าจะเป็นประโยชน์ในการป้องกันการตายของเซลล์ซึ่งเกิดจากการขาดเลือดของจอตา อีกทั้งป้องกันโรคต้อกระจกในหนู กล่าวโดยสรุป เรสเวอราทรอลเหมาะกับการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ต้อหิน และต้อกระจก
สารสกัดใบแปะก๊วย (GBE)
มีสารสำคัญ ได้แก่ ฟลาโวนอยด์และเทอร์พีนอยด์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีงานวิจัยพบว่า ป้องกันตาบอดในผู้ป่วยโรคต้อหินและจอตาเสื่อมได้จากการทดลองในหนูพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดใบแปะก๊วยมีเซลล์ประสาทจอตามากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนสาร EGb 761 จากสารสกัดแปะก๊วยช่วยยับยั้งการตายของเซลล์รับแสง และเพิ่มอัตราอยู่รอดของเซลล์รับแสง หลังถูกฉายด้วยแสงจ้า อีกทั้งช่วยลดการหลุดลอกของจอตา จึงช่วยฟื้นฟูจอตาในโรคต้อหินและโรคเกี่ยวกับจอตาได้
โสม
มีสารสำคัญคือ Ginsennosides ในการทดลองทางคลินิกในผู้ป่วยที่เป็นต้อหินพบว่า โสมแดงเกาหลีเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังจอตา จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคต้อหินและโรคจอประสาทตาเสื่อม นอกจากนี้การทดลองในหนูพบว่า โสมช่วยลดการเสื่อมของจอตาในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานได้ ลดผลที่เกิดจากการเหนี่ยวนำหนูให้เป็นต้อกระจก กล่าวโดยสรุปคือ โสมเป็นสมุนไพรที่น่าสนใจสำหรับการป้องกันโรคตา ได้แก่ โรคต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม และภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
เควอร์เซติน
เป็นฟลาโวนอยด์ในพืช พบได้ในชาดำ ชาเขียว หอมหัวใหญ่ แอ๊ปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอร์รี บัควีต มีงานวิจัยพบว่า
มีฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านออกซิไดซ์ ช่วยยับยั้งการอักเสบและป้องกันการตายของเซลล์จอประสาทตาได้ อีกทั้งช่วยยับยั้งการเกิดเส้นเลือดใหม่ของจอตา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคจอประสาทตาเสื่อม
นอกจากนี้รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เภสัชกรหญิงอ้อมบุญระบุเพิ่มเติมว่า ยังมีกลุ่มวิตามิน เกลือแร่ และสารสำคัญที่มี
ประโยชน์ต่อการบำรุงสายตา 5 ชนิดที่แนะนำ ได้แก่
- วิตามินเอ จำเป็นในการสังเคราะห์ Rhodopsin หรือเม็ดสีที่อยู่ในเซลล์ประสาทรับภาพ ทำหน้าที่ช่วยในการเห็นภาพในที่สลัวหรือในเวลากลางคืน การขาดวิตามินเอจึงทำให้ตาบอดกลางคืนได้
- วิตามินบี 2 ช่วยในการบำรุงสายตา เยื่อเมือกตา และม่านตา ถ้าเกิดการฉีกขาดจะมีอาการเลือดออกในตา ตาไวต่อแสง และอาการแสบตา
- วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายน้ำได้ และช่วยให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง โดยสมาคม American Optometric Association ระบุว่า วิตามินซีช่วยป้องกันต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้
- สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดสีเมลานินที่จอตา ถ้าขาดสังกะสีจะทำให้การมองเห็นในที่มืดไม่ดีและเพิ่มความเสี่ยงเป็นต้อกระจกได้
- สารกลุ่มกรดไขมันจำเป็น ได้แก่ โอเมก้า – 3 เช่น กรดอัลฟาไลโนเลนิก ซึ่งพบในน้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ มีการทดลองทางคลินิกโดยให้โอเมก้า – 3 วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม และติดตามผลทุก 3 เดือนเป็นเวลา 1 ปี พบว่า ช่วยลดอาการตาแห้ง ทำให้คุณภาพของน้ำตาดีขึ้น และบำรุงประสาทตาได้อีกด้วย
บทความน่าสนใจอื่น ๆ
จอประสาทตาเสื่อม รักษาไม่หายขาด แต่เราชะลอความเสื่อมได้