บันทึกของวัยรุ่นนักกินหมู เนื้องอกในสมอง ยุบเพราะชีวจิต ตอนที่ 1
เนื้องอกในสมอง ประสบการณ์สุขภาพเรื่องนี้ เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2538
เสียงของแม่ดังมาจากชั้นล่าง บอกว่า แหม ยัยตั้ม อู้งานอีกแล้วนะ ทิ้งให้แม่กับเด (พ่อ) ขายข้าแกงกันตามลำพัง ไม่ไหวเลยลูกสาวคนเล็กของฉันนี่
ฉันได้แต่ยิ้มอยู่ตามลำพัง เพราะแม่ก็อย่างนี้ เสียงดังไปอย่างนั้นเอง ไม่เคย มีสักครั้งที่จะดุด่าว่ากล่าวฉันจริงๆ หรอกแหงละ ! ก็ฉันเป็นเด็กดีเสมอมานี่นา ไม่เคยทำตัวมีปัญหาให้เป็นภาระใคร ร่าเริงอารมณ์ดีตลอดเวลา แถมยังเรียนหนังสือเก่งอีกด้วย ขอบอก ได้เกรดเฉลี่ยไม่เคยต่ำกว่า 3.0 เรื่อยมาเลย สูงสุดเคยได้ถึง 3.7 นะจะบอกให้
ใครๆ ชอบบอกว่าวัย 18 ปีของฉันเหมือนดอกไม้แรกแย้มที่รอวันผลิบาน…อึม นอกจากความสดใสน่ามองแล้ว มันยังแปลว่ารู้บ้างไม่รู้บ้างด้วยหรือเปล่า แบบว่า ตอนดอกไม้ตูมก็ยังไม่รู้อะไรเลย พอแย้มหน่อยก็รู้หน่อย พอบานก็เท่ากับรู้จักโลกแต่จะอย่างไรก็ช่างเหอะ ฉันไม่อยากคิดเดี๋ยวโตกว่านี้ก็รู้เอง
ความจริงฉันก็ไม่เคยเกี่ยงงอนเรื่องช่วยพ่อแม่และพี่ๆ ขายของชำกับข้าวแกงหรอก ก็สำนึกในบุญคุณว่าตัวเองเติบโตมาด้วยข้าวแดงแกงร้อนเหล่านี้ แต่วันนี้ขอสักวันเหอะ ฉันปวดหัว…ปวดอีกแล้วระยะหลังนี่ปวดทุกวัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
ถ้าจะมองย้อนไป เพราะไข้หวัดใหญ่เหรอ ฉันหายตั้งเกือบเดือนแล้วนี่นาเมื่อวานบ่นกับพี่ๆ เขาบอกว่าที่ยังปวดหัวเรื้อรังคงเพราะเจ้าไข้หวัดใหญ่ตัวดียังทิ้งร่องรอยเอาไว้ ก็ตอนที่ป่วยนั้นน่ะ แค่ปวดหัวตัวร้อนอ่อนเพลียเหมือนคนอื่นเสียที่ไหนเล่า ของฉันมันพิเศษกว่า มีอาการชักร่วมวงมาด้วย มันเป็นอะไรที่แบบว่าสุดๆ เลยละ
ตอนนั้นฉันไม่รู้สึกตัวเลยนะ จำได้ว่าสักบ่ายโมงกว่า รายการโทรทัศน์ไม่มีอะไรน่าดู จะอ่านหนังสือก็รู้สึกตาลายเหลือเกิน มันเหมือนง่วงๆ อยากนอน ทั้งที่หลับมาตลอดวัน พอล้มตัวลงบนเตียงได้ โลกก็หายไปเลย ลืมตามาอีกที บ้านกลายเป็นโรงพยาบาลไปซะแล้ว
แม่มาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ยกโอวัลติน ขึ้นมาให้ตอนบ่ายสอง เห็นฉันนอนปากเบี้ยว ตาเหลือกอยู่บนเตียง เลยเรียกพี่เขยให้ขึ้นมาอุ้มไปหาหมอ ชุลมุนชุลเกกันยกใหญ่ แต่มันก็ผ่านมาแล้ว
การป่วยครั้งนั้นทำเอาฉันต้องหยุดโรงเรียนนานเป็นอาทิตย์ นับเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะ ก็อุตส่าห์ทำสถิติไว้คุยโวกับเพื่อนๆ ว่า มีฉันคนเดียวในห้องที่ไม่เคยหยุดเรียนเลยตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ม.ปลายที่กำลังเรียนอยู่นี่
ถึงอย่างนั้นก็ช่างมัน อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เหมือนอาการปวดหัวตอนนี้ เฮ้อ ! เมื่อไรจะหายหนอ
กรกฎาคม 2538
ยังปวดหัวอยู่เลย กินยาก็แล้ว นอนก็แล้ว อยากหาย ทำไงดี
แถมรอบเดือนยังไม่มาอีก มันหายไปหลายเดือนแล้วนะนี่ ฉันกำชับเพื่อนสนิทให้ปิดปากเงียบ เหยียบเรื่องนี้ไว้ให้จมแผ่นดิน เพราะถ้าขืนแพร่งพรายออกไปมีหวังเจ๊ตุ่ม เจ๊ติ๋ว (พี่คนที่สองและสาม) และแม่ต้องรู้แน่ ถึงตอนนั้นเขาก็จะตื่นเต้นกันยกใหญ่ ซักไซ้ฉันจนเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องเพื่อนผู้ชาย ยี้ !
ที่สุด พอรู้ว่าฉันไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นั้น (ไม่มีทางเด็ดขาด แน่นอน) เขาก็จะพาไปหาหมอ เพราะฉันคงมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ออกมาอีรูปนั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ว้าย ! ไม่เอาหรอก ไม่อยากจะนึกภาพ เพราะคงต้องนอนบนขาหยั่งแบบเดียวกับที่เคยเห็นในหนังแน่
อย่างนี้แหละสบายดี ไม่มีก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อผ้าอนามัย ไม่ต้องทนความเหนอะหนะตั้งหลายวันต่อเดือน
ปัญหาเรื่องรอบเดือน ฉันแก้เองได้แต่เรื่องปวดหัวล่ะ ว้า !