สยบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ด้วยผักผลไม้ สไตล์ชีวจิต
โรค มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคที่ใครๆ ก็กลัว ปัจจุบันนี้โลกเราก้าวสู่ความเจริญหลายด้านนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้การใช้ชีวิตห่างไกลจากธรรมชาติมากขึ้นทุกที จนในบางครั้งอาจหลงลืมไปว่า เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
แต่ทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้นทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ สิ่งที่ช่วยเยียวยาเราได้ดีที่สุดก็คือธรรมชาติค่ะ
และเราขอนำผู้อ่านกลับคืนสู่ธรรมชาติไปพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อ ฟ้างาย คำอโศก เธอใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมีความสุขมานานหลายปี โดยอาศัยอยู่บ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางป่าดอยของจังหวัดเชียงใหม่ และกินผักกับผลไม้ที่ปลูกขึ้นเอง ด้วยวัย 60 ปีในขณะนี้ เธอมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์จนไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าเคยป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มาก่อน !
สิ่งที่เรากำลังจะบอกเล่าต่อไปนี้ ขอรับรองค่ะว่าคือความจริงที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน และหากใครกำลังต่อสู้กับโรคร้ายอยู่ อย่าเพิ่งท้อใจก่อนที่จะได้อ่านเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้นะคะ
มะเร็ง มาได้อย่างไร
เมื่อสิบปีก่อน คุณฟ้างายเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจถึงขั้นต้องปิดกิจการงานของตัวเอง ลง และจากนั้นไม่กี่ปีเธอก็ต้องสูญเสียคนที่รักไป หลายสิ่งหลายอย่างประดังเข้ามาสร้างความทุกข์ใจให้แก่เธอจนเกิดภาวะตึงเครียดขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว
ช่วง ปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้เครียด ตั้งใจจะกลับไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่ แต่ปรากฏว่าคนงานทะเลาะกันเผาบ้านไม้สักทองไหม้หมดทั้งหลัง ทำให้เครียดไปกันใหญ่ ต่อมาภายหลัง ปี 2543 สามีก็เสียชีวิต บ้านถูกยึดเพราะมีหนี้ธนาคาร แล้วยังธุรกิจล่มอีกต่างหาก แม้จะทำใจได้ แต่ก็มีความเครียดลึกๆ อยู่ในใจ
เธอจึงตัดสินใจอำลาชีวิตในเมืองกรุง ไปอยู่เชียงใหม่ด้วยความตั้งหวังว่าจะพักผ่อน ฟื้นฟูจิตใจและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่แบบทดสอบชีวิตก็ย้อนกลับมาให้เธอฟันฝ่าอีกครั้ง เมื่อร่างกายฟ้องว่ามีก้อนขึ้นตามตัวหลายแห่ง
ระหว่างนั้นไปอยู่เชียงใหม่ สร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่ตามลำพัง ปลูกผักกินเอง ชีวิตก็มีความสุขดี เพราะใจเราสงบ แต่จู่ๆ ต่อมน้ำเหลืองก็โตขึ้นทุกที่ ทั้งคอ รักแร้และขาหนีบ มีไข้ต่ำๆ ทุกวัน แล้วก็มีอาการ ปวดเนื้อปวดตัว ปวดหลัง ความดันขึ้นถึง 150 ถึงกับช็อกไปเลย
ไปตรวจก็ได้คำตอบไม่ชัดเจน แต่เคยศึกษามาด้วยตัวเองบ้าง จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
และสิ่งที่ทำให้เธอมั่นใจในความคิดของตัวเองก็คือร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่วัยเด็ก ครั้นโตขึ้นก็ป่วยมาโดยตลอด และเคยผ่านการผ่าตัดใหญ่มาแล้ว
เด็กๆ เป็นคนขี้โรคมาก โตมาก็ป่วย กระเสาะกระแสะ เคยผ่าตัดมา 7 ครั้งอย่างทอนซิลก็ไปตัดออก ทั้งที่เป็นด่านแรกสำหรับดักจับเชื้อโรค ทำให้ภูมิต้านทานของตัวเองไม่ดี และน้ำเหลืองไม่ดี พออายุ 35 ก็เป็นเนื้องอกในมดลูก ก็ต้องตัดมดลูกทิ้งอีก
แม้จะมั่นใจว่าตัวเองป่วยเป็นโรคร้าย แต่เธอก็ไม่มีความคิดจะไปตรวจ และไม่บอกให้คนใกล้ชิดทราบ เพราะตั้งใจจะดูแลตัวเองในแบบแพทย์ทางเลือกที่ได้ศึกษา มาบ้าง
จะไม่ไปตรวจ และไม่บอกใคร เพราะหลายคนมักคิดว่าคนป่วยคือคนที่เสมือนหนึ่งบุคคลไร้ความสามารถ แล้วก็จะจัดการพาเข้าโรงพยาบาล
จึงตัดสินใจจะดูแลตัวเอง ด้วยความที่เป็นคนรักสุขภาพและดูแลตัวเองมาตลอด จึงสนใจศึกษาแพทย์ทางเลือก ทำให้รู้เรื่องการดูแลตัวเองหลายอย่าง คิดว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเองค่ะ
เธอเริ่มต้นจากการรวบรวมกำลังใจเพื่อต่อสู้กับโรคนี้ด้วยทัศนคติในเชิงบวก เชื่อมั่นในทางที่เลือก และปลายทางที่รออยู่ต้องเป็นชัยชนะเท่านั้น
อย่างแรกที่ทำคือให้กำลังใจตัวเอง ต้องมั่นใจว่าสามารถดูแลตัวเองได้ และต้องคิดว่าตัวเองไม่ป่วย มะเร็งเกิดขึ้นทุกวันและกับทุกคน เรียกว่าเป็นโรคตัวเองกินตัวเองส่วนใหญ่กินแล้วจะเสียชีวิต แต่ถ้าแข็งแรงก็จะอยู่ได้ คิดว่าตัวเองต้องอยู่ได้อีกนาน
วิตามินจากผักกับผลไม้ ของขวัญธรรมชาติ
หลักการดูแลตัวเองที่คุณฟ้างายเน้นเป็นพิเศษคือเรื่องอาหารการกิน ซึ่งจะเป็นอาหารมังสวิรัติที่ประกอบไปด้วยผักกับผลไม้ ปลอดจากไข่ ใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร และดื่มน้ำเต้าหู้แทนนมวัว นับเป็นเรื่องโชคดีที่เธอเป็นคนชอบทำอาหาร จึงสามารถสร้างสรรค์ เมนูอาหารได้หลายแบบ ทำให้การกินอาหารมังสวิรัติของเธอไม่น่าเบื่อ
จริงจังกับอาหารการกินมากขึ้น จากที่เคยเป็นมังสวิรัติแบบกินไข่กับนมได้ ก็เลิกกินไปเลย จะกินแต่ผักและผลไม้ ปกติเป็นคนกินง่าย ชอบกินและชอบทำอาหารกินเองอยู่แล้ว เลยคิดสูตรอาหารเอง แต่ละมื้อจึงไม่ซ้ำกันเลย และกินอร่อยทุกมื้อด้วยค่ะ
สำหรับเมนูโปรดที่เธอทำเป็นประจำคือก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากผักสีรุ้ง (ผักหลายๆ ชนิด) และอาหารอื่นๆ ที่ทำจากผักพื้นถิ่นหลากชนิด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์และแสนอร่อยทั้งสิ้น
จะชอบกินก๋วยเตี๋ยวชากังราวมาก เพราะได้สารอาหารครบทั้งโปรตีนจากเต้าหู้และถั่ว มีผักหลายชนิด ทั้งบีตรู้ต ถั่วฝักยาว แครอท ถั่วงอก คะน้า และกวางตุ้ง เป็นอาหารที่ช่วยปรับธาตุ และได้รับวิตามินจากผักกับผลไม้อย่างครบถ้วน
เมนูอื่นๆ ที่ทำง่ายและอร่อยไม่แพ้กันก็จะมีแกงผักหวานป่า ผัดผักรวมไม่ใส่น้ำตาล น้ำพริกหนุ่ม แกงแค แกงผักกาดจอ หมกเห็ดทรงเครื่อง ส้มตำ และยำมะเขือยาว
เหตุที่คุณฟ้างายสามารถทำอาหารมังสวิรัติได้อร่อย เพราะเธอรู้จักรสชาติและประโยชน์ของผักกับผลไม้แต่ละชนิดเป็นอย่างดี
เธอบอกเคล็ดลับของการกินผักกับผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดว่า อะไรที่กินสดได้ก็ควรกิน ถ้ากินสดไม่ได้ก็ต้องลวกก่อน ควรกินตามพื้นถิ่นจะดีมาก และพยายามกินให้หลากหลายด้วยนะคะ
นอกจากการกินอาหารในมื้อหลัก เธอยังดื่มน้ำคั้นสดจากผักและผลไม้นานาพันธุ์ที่หาได้ง่ายตามฤดูกาลในเวลาเช้าก่อนการเดินออกกำลังกาย และมีอาหารว่างระหว่างมื้อเป็นผลไม้สดอีกด้วย
ตอนเช้าจะดื่มน้ำคั้นสดจากผักผลไม้จำพวกมะละกอ สตรอว์เบอร์รี่ ใบบัวบก ชมพู่ มะนาว ส้ม ผลไม้ป่าที่เรียกว่าหมากหนอด ต้นกล้าอ่อนของพืชและผักสด ทำให้ได้น้ำเอนไซม์ที่ดีค่ะ และของว่างจะเป็นผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย มะละกอ ชมพู่ ฝรั่ง
อัตราส่วนในการกินแต่ละมื้อของคุณฟ้างายจะเน้นในมื้อเช้าและมื้อกลางวันเท่านั้น ส่วนมื้อเย็นจะกินเท่ากับของว่างระหว่างมื้อ มื้อเย็นจะงดอาหารไปเลยค่ะ กินแต่ผักกับผลไม้สดที่ไม่หนักท้อง
คุณฟ้างายให้ความสำคัญกับการกินผักและผลไม้มาก เพราะมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่เธอใช้ชีวิตในยามป่วย จนทำให้เธอแข็งแรงขึ้นในที่สุด
ปกติคนที่ร่างกายเสื่อมโทรม โดยเฉพาะคนที่ป่วยจะขาดวิตามินมากกว่าคนปกติและวิตามินที่ได้จากการกินผักกับผลไม้คือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
ลาขาดจากมะเร็ง
หลังจากกินอาหารที่มีประโยชน์มาได้ระยะหนึ่ง ผลที่ประกาศออกมาประจักษ์ชัดเจนก็คือการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในด้านร่างกาย
จะสัมผัสได้เลยว่าไม่มีเสมหะ ไม่ปวดเมื่อย หรือง่วงนอนง่ายเหมือนเมื่อก่อนผิวพรรณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยปื้น กระดำที่น่าเกลียดหายไป
เวลาสามปีกับการเยียวยาตัวเองกลายเป็นความพยายามที่ได้ผล ก้อนที่ขึ้นตามจุดต่างๆ ค่อยๆ ยุบตัวลง คุณฟ้างายจึงตัดสินใจไปตรวจ และผลก็คือเธอเคยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเท่านั้น
ก้อนที่ตัวเริ่มยุบลง ตรงขาหนีบที่โตเท่าลูกกอล์ฟ เหลือก้อนเท่าหัวแม่มือ หมอบอกว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ก้อนที่เหลือต้องผ่าออก ก็ปลงใจผ่าออก ปรากฏว่าไม่พบเซลล์มะเร็ง ตกลงไม่เป็นมะเร็งแล้ว
นับว่าข้อมูลที่เธอเพียรศึกษามา เพื่อดูแลตัวเองประสบความสำเร็จอย่างน่าปลื้มใจทุกวันนี้ คุณฟ้างายมีความสุขกับการทำอาหารหลากเมนูที่ทำจากผักและผลไม้ ในยามว่างเธอ ก็จะเป็นวิทยากรให้ความรู้ทางด้านอาหารมังสวิรัติแก่ผู้ที่สนใจ และบอกเล่าประสบการณ์การดูแลตัวเองเมื่อป่วยอย่างที่เราได้รับทราบกันนี้
คนป่วยอีกหลายคนที่กำลังรู้สึกไม่อยากมีลมหายใจต่อไป เพราะไม่ต้องการเป็นภาระให้แก่คนรอบข้าง โปรดหยุดความคิดนี้แล้วพยายามค้นหาวิธีการดูแลตัวเองดีกว่าค่ะ
เพราะโรคภัยในกายสยบได้ด้วยตัวเราเองค่ะ
จากคอลัมน์ประสบการณ์สุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 206 (1 พฤษภาคม 2550)
บทความน่าสนใจอื่นๆ
1.บันทึกของวัยรุ่นนักกินหมู เนื้องอกในสมอง ยุบเพราะชีวจิต ตอนที่ 1
2.บันทึกของวัยรุ่นนักกินหมู เนื้องอกในสมอง ยุบเพราะชีวจิต ตอนที่ 2
3.บันทึกของวัยรุ่นนักกินหมู เนื้องอกในสมอง ยุบเพราะชีวจิต ตอนที่ 3 จบ