ไม่เห็นยากเลย ตัดสินใจทิ้งของในบ้าน เคลียร์บ้านได้ ง่ายนิดเดียวเอง
ดังคำสุภาษิตที่ว่า ต้องสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เชื่อว่าหลายท่านคงเห็นภาพ ว่าเราต้องสละสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อรักษาสิ่งที่จำเป็น หรือสละสิ่งที่มีประโยชน์น้อย เพื่อประโยชน์ส่วนมาก แต่ทว่าพอนำมาใช้กับการจัดบ้าน บอกตรง ๆ เลยว่า อันนี้ก็สำคัญ ๆ ตายแล้ว ไม่กล้า ตัดสินใจทิ้งของในบ้าน แต่บทความนี้จะทำให้คุณกล้าเคลียร์บ้านได้ ง่ายนิดเดียวเอง และคุณจะว้าวว่า ไม่เห็นยากเลย
การกำจัดข้าวของเครื่องใช้ในบ้านที่ไม่ได้ใช้บ่อยครั้ง ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังกลายเป็นสมบัติพระศุลีที่ถูกเก็บกักไว้ไม่ต่างจากของในพิพิธภัณฑ์ คือไม่ได้เอาออกมาใช้เลย หรือบ้าช้อปปิ้ง ซื้อซ้ำ ๆ มาเพราะลืมว่าอันนี้เรามีแล้ว และก็เก็บเข้ากรุเพราะเชื่อมั่นว่าในอนาคตต้องได้ใช้แน่นอน แต่นับว่าพื้นที่ในบ้านก็จะเต็มไปด้วยข้าวของเหล่านี้มากขึ้น
เมื่อสมบัติแบบนี้เพิ่มทวีมากขึ้น จะเก็บการสะสมของฝุ่น ส่งผลเสียต่อระบบหายใจของสมาชิกในครอบครัว คนญี่ปุ่นมีสุภาษิตว่า “งูที่ไม่ลอกคราบ จะต้องตาย” ทำไมถึงกล่าวแบบนี้ เพราะโดยธรรมชาติของงู จะลอกคราบเองโดยธรรมชาติ หากไม่ลอกคราบตัวมันจะไม่เติบโตเพราะคราบเดิมจะกำจัดเนื้อหาของร่างกาย
คนญี่ปุ่นก็จะอุปมากับบ้านที่ไม่กล้าตัดสินใจทิ้งข้าวของเหมือนงูที่ไม่ลอกคราบ แล้วบ้านนั้นก็จะย่ำแย่ เพราะไม่มีพื้นที่สำหรับใช้สอย แต่หากบ้านไหน กล้าที่จะกำจัดล่ะก็ เหมือนงูที่ลอกคราบเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่นั่นเอง เรามาเริ่มเรียนรู้ 3 วิธีการกำจัดสมบัติบ้าออกจากบ้านกันดีกว่า ที่รับรองว่าเอาเราอยู่หมัด
ทิ้งไปให้หมดเลย
เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าความสุขส่วนตน อันนี้เป็นสุภาษิตสำหรับผู้ปกครองเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ที่ต้องดูแลสมาชิกในครอบครัว เช่น ลูก หรือบุพการี ต้องสวมจิตวิญญาณผู้ปกครองที่ดี เมื่อเห็นว่าอะไรที่ไม่สร้างประโยชน์สุขต่อส่วนรวมแล้วต้องจัดการ การที่เราสะสมสมบัติมาก และนับวันยิ่งทวีเพิ่มขึ้น เพราะวิญญาณนักช้อปเข้าสิงสู่ เห็นของลดราคาก็กวาดซื้อ หรือเดินอยู้ตามท้องถนนแล้ว เห็นของสิ่งนี้ เช่น กระป๋องน้ำอัดลม ไม้ไอศกรีม หรือของที่เจ้าของไม่เอาแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่เลย ก็เก็บกลับมา เพราะคิดว่าเราต้องได้ใช้ แต่ปรากฏกลับกลายเป็นการเอาขยะมาเพิ่มขยะในบ้านของเราเอง
ถ้าคุณบอกว่า ฉันไม่กล้าทิ้ง อันนี้ฉันก็ชอบ อันนี้ฉันก็รัก นั่นลองขอตัวช่วย คือ คนอื่น เช่น เพื่อน ญาติรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิท หรือคนในครอบครัวเป็นคนพิจารณา เขาจะกล้าตัดสินแทนเรามากกว่า เพราะเขาจะไม่มีความรู้สึกร่วมกับวัตถุสิ่งของนั้น ๆ คุณต้องทำใจมากเลย ที่เขาอาจจะหยิบสมบัติโปรดบางชิ้นทิ้งลงถุงขยะไปต่อหน้าต่อตา
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป >>>