กลัวตกนรก

เมื่อลูกดิฉันกลัวบาปกรรม กลัวตกนรก…กลัวความคิดตัวเอง

ก่อนหน้านี้เคยมีเด็กอายุน่าจะราว 5 - 6 ขวบอยู่คนหนึ่งในยามปกติเขาเป็นเด็กเรียบร้อย แต่เวลานอนแล้วจะละเมอกลายเป็นคนละคน เขาละเมอขว้างปาสิ่งของและก้าวร้าว พ่อแม่ก็ตกใจนึกว่าผีเข้า แต่สืบไปสืบมาไม่ใช่ มันเป็นสัญญาเก่าในอดีตของเด็กคนนี้ที่มาปรากฏในตอนที่ไม่รู้สึกตัว ความจริงเมื่อเราสร้างเหตุอะไรเอาไว้มาก ๆ จนเคยชิน สิ่งเหล่านั้นก็จะติดมากลายเป็นสัญญา

ถ้าในปัจจุบันจิตยังตั้งมั่นไม่พอ เช่น ยังเป็นเด็ก สมาธิยังน้อย สังขารก็จะปรุงแต่งมากจนควบคุมไว้ไม่ได้ ทำให้ไม่สบายใจจนเกิดความกังวล เศร้าหมองในจิตใจ เราก็ต้องสอนให้เขาทำกรรมฐานให้จิตตั้งมั่นขึ้น จะได้ไม่โดนความคิดลากให้ไปจมอยู่กับมัน เมื่อเกิดสัญญาก็เห็นว่ามันโผล่ขึ้นมาเฉย ๆ เช่น เห็นคนมาไล่ฆ่า ไล่ยิ่ง หรืออยากไปฆ่าปาดคอใคร ก็ดูความคิดที่มันเกิดขึ้นแล้วดับไป เหมือนฟองสบู่ที่ลอยขึ้นมาแล้วก็แตก

อย่างลูกชายคุณโยม ขอให้ลองสอนเรื่องการรักษาศีล 5และเสริมกรรมฐาน เช่น ให้ลองนั่งสมาธิหลับตา ดูลมหายใจที่เข้า - ออก ตั้งใจอยู่กับลมหายใจ ไม่นานหรอกเดี๋ยวความคิดก็ดับไป ทำเรื่อย ๆ ห้านาทีบ้าง นาน ๆ ทีก็ลองทำครึ่งชั่วโมงบ้างหนึ่งชั่วโมงบ้าง

ถ้ามีโอกาส ให้ลูกได้บวชภาคฤดูร้อนสักครั้ง บางคนบวชแล้วชีวิตพลิกกลับเลย ด้วยอานุภาพของร่มกาสาวพัสตร์ อย่างลูกโยมมีร่องจิตมาทางนี้อยู่แล้ว ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร

นอกจากนี้ลองฝึกให้เขาแผ่เมตตาให้กับตัวเอง เช่น แผ่เมตตาให้กับหัวใจ ปอด ตับ ม้าม…ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ปราศจากความทุกข์ทั้งปวง และขอให้รู้ไว้เถอะว่า เมตตาภาวนามีอานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาลเลยทีเดียว

“อันที่จริง สิ่งที่พระอาจารย์แนะนำมา โยมก็ลองให้ลูกปฏิบัติอยู่แล้วเจ้าค่ะ เวลามีทุกข์ก็จะให้เขานั่งสมาธิ แต่หลังออกจากสมาธิเขายิ่งคิดมาก โยมก็จะให้เขาสวดมนต์แผ่เมตตาและสิ่งเดียวที่เขาปฏิบัติเองมาตลอดคือ การรักษาศีลห้าอย่างเข้มข้น เขากลัวเรื่องพูดปด ฆ่าสัตว์ กลัวเรื่องไม่ดีทุกอย่างแต่บางครั้งโยมก็อยากให้เขาคิดแต่พอดี ๆ เลิกเคร่งเครียดกับชีวิตจึงมักแนะนำเขาว่า ให้ปล่อยวางบ้าง เพราะความคิดเมื่อเกิด
ขึ้นมาก็จะดับไปเอง”

ช่วงที่เด็กกำลังโต โดยวัยเขาจะเป็นแบบนี้ อีกสัก 2 - 3 ปีอาการเหล่านี้จะหายไป ดับไป เปลี่ยนไป แล้วเขาก็จะดีขึ้นตั้งมั่นขึ้น…ส่วนตอนนี้ก็ทำอย่างที่โยมว่าก็ดีที่สุดสำหรับลูกแล้ว…ถือว่าโยมเป็นครอบครัวตัวอย่างครอบครัวหนึ่งได้เลย

หลังจากสองแม่ลูกมีโอกาสพบกับพระอาจารย์ในครั้งนี้ฝ่ายลูกซึ่งได้รับฟังคำสอนของพระอาจารย์พร้อม ๆ กันกับแม่มีท่าทีสงบและผ่อนคลายมากขึ้น เพราะเข้าใจแล้วว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรไม่ให้ตัวเองเป็นทุกข์

ทว่าที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ สภาพจิตใจของแม่ที่เริ่มโยนความกังวลใจทั้งหมดทิ้งไป และมั่นใจในวิธีการเยียวยาลูกมากขึ้นกว่าเดิม 

ที่มา : นิตยสารซีเคร็ต

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.