โพรไบโอติกยีสต์

โพรไบโอติกยีสต์ ทางเลือกใหม่ของคนลำไส้ไม่สมดุล

ปรับสมดุลลำไส้ ด้วย โพรไบโอติกยีสต์

คนที่ท้องเสียบ่อยๆ แล้วมีอาวุธคู่กายเป็นยาดูดซับสารพิษ หรือยาถ่าน แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน ก็กลับมาเป็นอีก นั่นเป็นเพราะปัญหาที่แท้จริงไม่ได้ถูกแก้ไข แต่เป็นเพียงการรักษาตามอาการ จึงไม่แปลกที่จะกลับมาท้องเสียอีกบ่อยๆ

การที่ท้องเสียบ่อยๆ เช่นนี้ เกิดขึ้นจากการที่ จุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล ประโยคนี้หลายคนเห็นครั้งแรกอาจงงๆ ว่าคืออะไร จะส่งผลอย่างไร แต่เชื่อว่า หากบอกอาการเป็นข้อๆ ทุกคนต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เพราะภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล จะมีอาการแสดงคือเดี๋ยวปวดท้อง เดี๋ยวท้องอืด ท้องเสีย ปั่นป่วนเป็นระยะๆ อาการแบบนี้แหล่ะค่ะ เกิดจากภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล หรือที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า “ลำไส้ไม่สมดุล”

 เช็กอาการ ลำไส้ไม่สมดุล

ลำไส้ไม่สมดุล สามารถแสดงอาการได้หลายอย่างร่วมกัน บางครั้งก็แสดงอาการขัดกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • มีอาการไม่สบายตัว โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก
  • มีอาการท้องร่วง ท้องเสียได้ง่าย
  • ท้องผูก
  • รู้สึกเหนื่อยล้า
  • น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ โดยที่ไม่ได้ควบคุมน้ำหนัก หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ทั้งนี้เพราะความสามารถในการดูดซึมอาหารของลำไส้ลดลง
  • นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เนื่องจากลำไส้ผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนอนหลับ ได้ไม่เต็มที่
  • แพ้ ระคายเคืองได้ง่าย

กินโพรไบโอติก ลดท้องเสียเรื้อรัง

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า แล้วการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ของการท้องเสียบ่อยๆ คืออะไร คำตอบไม่ยากเลยค่ะ ก็อย่างที่บอกมานั่นเองว่า คือการปรับสมดุลลำไส้ ในเมื่อต้นเหตุหลัก คือสูญเสียสมดุลของจุลินทรีย์ ก็ต้องทำให้จุลินทรีย์นั่นสมดุล

โพรไบโอติกยีสต์

การกินโพรไบโอติกไม่เพียงเป็นการปรับสมดุลลำไส้เท่านั้น แต่ยังมีข้อดีมากกว่าการกินยาดูดซับสารพิษ คือ

  • ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้หลังท้องเสีย
  • ไม่ทำให้กลับมาท้องเสียซ้ำ
  • ลดอาการปวดท้อง ท้องอืด
  • ทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น

เลือกโพรไบโอติกแบบไหนดี

โพรไบโอติกแต่ละสายพันธุ์จะมีคุณสมบัติต่างกัน โดยการเลือกโพรไบโอติกก็จะต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ ซึ่งล้วนต้องอ้างอิงจากการศึกษา หรืองานวิจัย ว่าโพรไบโอติกส์ชนิดไหน ทำอะไรได้บ้าง และงานวิจัยนั้นน่าเชื่อถือพียงใด

แต่หากจะเปรียบเทียบกันกว้างๆตามประเภทของเชื้อโพรไบโอติก ได้แก่ โพรไบโอติกที่เป็นยีสต์ และโพรไบโอติกที่เป็นแบคทีเรีย

โพรไบโอติกยีสต์ จะสามารถทนกรด ทนอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้อยู่รอดจากน้ำกรด และกระบวนการย่อยอาหาร จนมาทำงานที่ลำไส้ได้ อีกทั้งยังไม่ถูกยาปฏิชีวนะฆ่า จึงสามารถใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะได้ ซึ่งหากเป็นโพรไบโอติกแบคทีเรีย ส่วนใหญ่มักจะถูกทำลายได้ด้วยน้ำย่อย น้ำกรดในกระเพาะ หรือยาปฏิชีวนะ

รู้จักโพรไบโอติกยีสต์

โพรไบโอติกยีสต์ หลายคนสงสัยว่าคืออะไร หากจะทำความรู้จัก ก็ต้องย้อนกลับไปถึง 101 ปี เพราะจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี 1923 เมื่อนักจุลชีววิทยา ชาวฝรั่งเศส Henri Boulard มาสำรวจพื้นที่บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบว่าชาวบ้านในแถบนี้ หากมีอาการท้องเสีย มักจะนำเปลือกลิ้นจี่ เปลือกมังคุดมาใช้รักษา จนรอดพ้นจากโรคอหิวาต์ ซึ่งเป็นโรคระบาดร้ายแรง ต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นจำนวนมากของผู้คนในยุคนั้น

จากเหตุการณ์ทำให้มีการนำเปลือกผลไม้ทั้งสองชนิดมาวิจัย จนค้นพบยีสต์ที่ชื่อว่า Saccharomyces boulardii CNCM I-745 (Sb) ซึ่งมีสรรพคุณในการดูแล ปกป้อง และฟื้นฟู อาการท้องเสีย ได้อย่างครอบคลุม หลังจากนั้นในปี 1953 มีการก่อตั้งบริษัท Biocodex และใช้ยีสต์ตัวดังกล่าวมาเป็นโพรไบโอติกเพื่อรักษาอาการท้องเสีย ถือเป็นยาจากโพรไบโอติกตัวแรกของโลก ตั้งแต่คำว่าโพรไบโอติกยังไม่เป็นที่รู้จักด้วยซ้ำ

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ มีการศึกษาวิจัยและพัฒนามากมาย จนปัจจุบันยีสต์สายพันธุ์นี้เป็นโพรไบโอติกที่มียอดขายสูงที่สุดในโลกถึง15ปีซ้อน โดยใช้รักษาคนมาแล้วกว่า 500 ล้านคน ครอบคลุมมากถึง 90 ประเทศทั่วโลก โดยในประเทศไทยอยู่ภายใต้ชื่อการค้า Bioflor

โพรไบโอติกยีสต์ เลือก Bioflor

Bioflor เป็นโพรไบโอติกยีสต์ สายพันธุ์ Saccharomyces boulardii CNCM I-745 (Sb) ที่ถูกพัฒนามาต่อเนื่องยาวนานกว่า 100 ปี มีจุดเด่น ที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสมดุลลำไส้ ท้องเสียบ่อย ๆ เนื่องจาก ช่วยลดอาการท้องเสียได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งยังช่วยป้องกัน และฟื้นฟูสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดปัญหาทั้งท้องเสีย ภาวะสำไส้ไม่สมดุลได้  

โพรไบโอติกยีสต์

โดย Saccharomyces boulardii CNCM I-745 (Sb) สามารถใช้กับทุกอาการท้องเสียที่เจอได้ทั่วไป คือ

  • จากอาหารเป็นพิษ
  • ติดเชื้อแบคทีเรีย
  • ติดเชื้อไวรัส
  • จากการเดินทาง
  • จากการให้อาหารทางสายยาง
  • จากการที่จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารไม่สมดุล

นอกจากนั้นแล้ว ยังช่วยในเรื่องเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อ รวมถึงลดภาวะลำไส้แปรปวน (IBS) และเสริมการรักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากเชื้อ H.Pylori

เรียกได้ว่าเป็นการปรับสมดุลลำไส้อย่างครบวงจร เพื่อทำให้ลำไส้กลับมาสมดุลแข็งแรง ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องอาการปวดท้อง ท้องเสีย อีกต่อไป

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.