ผิวหนังอักเสบ เป็นภาวะที่เจอกันบ่อยมาก แต่เพราะเป็นไม่นานก็หาย หลายคนจึงไม่ให้ความสำคัญ แต่รู้ไหมว่า อาการดังกล่าวถึงจะอยู่กับผิวพรรณเพียงไม่นาน แต่ก็สร้างรอยไว้ได้นาน
วันนี้ เรามีข้อมูลจาก โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 เกี่ยวกับภาวะผิวหนังอักเสบมาบอกต่อ
ทางการแพทย์เรียกอาการผิวหนังอักเสบว่า eczema dermattis คือ การอักเสบของผิวหนังนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วลักษณะผื่นจะเป็นผื่นแดง เป็นขุย คัน (คันมากหรือน้อยแล้วแต่บุคคล) บางคนจะมีแค่ผื่นอย่างเดียวก็ได้
ผื่น จะมี 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 เฉียบพลัน : ผื่นแดงจะบวมและเป็นตุ่มน้ำ บางครั้งเป็นมากๆจะมีน้ำเหลืองไหล ถ้าแห้งก็จะเป็นคราบสะเอ็ดเหลืองๆเกาะเป็นผื่น ทำให้ระยะนี้หลายคนคิดว่าเป็นโรคน้ำเหลืองไม่ดี ซึ่งจริงๆไม่เกี่ยวกับระบบน้ำเหลือง และทางการแพทย์ไม่มีโรคน้ำเหลืองไม่ดี
ระยะที่ 2 กึ่งเฉียบพลัน : อาการบวมน้อยลง เริ่มมีสะเก็ดและขุยชัดขึ้น บางครั้งต้องแยกกลับเชื้อราที่ผิวหนัง (กลาก)
ระยะที่ 3 เรื้อรัง : ผื่นจะหนา เป็นสีน้ำตาลหรือดำ เห็นลายของผิวหนังชัดเจน เกิดจากการเป้นผื่นซ้ำๆ หรือจากการเกา หรือกระตุ้นบริเวณผื่นบ่อยๆ
ซึ่งจริงๆแล้ว ผื่นไม่จำเป็นต้องเรียงไปตาม step จะมาด้วยกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรังเลยก็ได้
สาเหตุของการเกิดผื่น แบ่งเป็น 2 สาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่
- สาเหตุจากภายนอกร่างกาย : เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างผิวหนังกับสารเคมีที่มาสัมผัสกับผิวหนัง
1.1 ผื่นระคายเคือง : เช่น
– ผิวอักเสบจากแมลงก้นกระดก เกิดจากการโดนสารที่เป็นกรดในตัวมันที่ชื่อ peaderin (พีเดอริน) ซึ่งมักจะเกิดจากการที่เราไปปัด/ทับ/บี้ ตัวมัน ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง เกิดการแสบร้อน
– ผื่นผิวหนังอักเสบจากการทายาสิว
1.2 ผื่นจากการแพ้สัมผัส : ซึ่งแต่ละคนจะแพ้ไม่เหมือนกัน เช่น
– แพ้น้ำยาย้อมผม จะเกิดผื่นบริเวณตีนผม หนังตา หลังหู และต้นคอ
– แพ้นิกเกิล จะเกิดผื่นบริเวณที่สัมผัส เช่น หัวเข็มขัด ต่างหู
– แพ้น้ำหอม จะเกิดผื่นบริเวณที่ฉีด
- สาเหตุจากภายในร่างกาย มักเกี่ยวกับพันธุกรรมด้านผิวหนัง ทำให้ผิวไม่แข็งแรงพอที่จะปกป้องสารต่างๆจากภายนอกได้
2.1 โรคภูมิแพ้ผิวหนัง / ผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis) ส่วนใหญ่เป็นมาตั้งแต่วัยเด็ก เป็นมาเรื้อรัง มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมาด้วย อาจมีอาการภูมิแพ้หรือหอบหืดร่วมด้วย บริเวณที่เป็นผื่น จะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
- ก่อน 1 ปี : จะเป็นบริเวณแก้ม ศีรษะ ข้อศอก ข้อเข่า
- 1 ปี ขึ้นไป จนถึงวัยผู้ใหญ่ : จะเป็นบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา คอ หัวนม
2.2 ผื่นผิวหนังจากการอักเสบของต่อมไขมัน (Seborrheic Dermatitis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sb Dermเป็นผื่นที่ถูกกระตุ้นจากระดับฮอร์โมนที่แปรปรวน ความเครียด หรือเชื้อราบางตัวบนใบหน้า เป็นได้ทั้งหน้าร้อน (กระตุ้นต่อมไขมันออกมามาก ทำให้กระตุ้นผื่นให้กำเริบ) หน้าหนาว (ผิวแห้งเกินไป กระตุ้นให้ผื่นกำเริบ) มักเกิดบริเวณหัวคิ้ว ข้างจมูก และหลังหู
2.3 ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic) จะมีตุ่มเล็กๆหลายๆตุ่มขึ้นมี มีอาการคันมาก มักขึ้นตามนิ้วมือหรือเท้า เป็นตุ่มลึกๆ สัมพันธ์กับอาการภูมิแพ้และอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง
การรักษา
- ใช้ยา Steriod
– อาการรุนแรงมาก : ใช้ยากินช่วงสั้น ๆ
– อาการปานกลาง : ใช้ยาทา สามารถทาได้ ไม่ต้องกังวล แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ - ใช้ยาแก้แพ้ ลดอาการคัน
- ใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาการติดเชื้อแทรกซ้อนจากการแกะหรือเกา
- ใช้ก็อซสะอาดชุบน้ำหรือแปะไว้ 10 – 15 นาที วันละ 3 เวลา หากมีน้ำเหลืองไหลเฉียบพลัน
- ทาครีมบำรุงผิว ให้ความชุ่มชื้น
- งดการเกา ขัด หรือถู บริเวณที่เป็นผื่น
- หากเป็นเรื้อรัง หรือไม่ตอบสนองต่อยา หรือลักษณะของผื่นเปลี่ยนไป อาจต้องตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจเพิ่มเติม