กินจุบจิบ + แปรงฟันไม่สะอาดทำฟันผุและมีหินปูน
นอกจากนี้ยังมีไลฟ์สไตล์สำคัญอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดโรคฟันในคนอายุน้อย ทันตแพทย์กฤษณะ พลอยบุษย์ ผู้เขียนหนังสือ อ้าปากกว้างๆ หน่อยครับ และเจ้าของเพจ “ใกล้หมอฟัน” อธิบายว่า
“คนวัยนี้ก็ยังเป็นโรคฟันผุ เนื่องจากชอบกินขนมกรุบกรอบ โดยเฉพาะขนมที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนผสมปริมาณสูง เนื่องจากอาหารพวกนี้เป็นตัวการก่อฟันผุที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมกินจุบจิบกินระหว่างมื้อ พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้มีคราบอาหารหรือน้ำตาลสัมผัสผิวเคลือบฟันตลอดเวลา เป็นต้นเหตุของฟันผุด้วยเช่นกัน
“รวมถึงการแปรงฟันไม่สะอาด เราจึงพบว่าคนวัยนี้ยังคงมีฟันผุ”
หนังสือ โรคของช่องปากและฟัน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคราบอาหารที่เป็นต้นเหตุของฟันผุและคราบหินปูนโดยสรุปว่า
คราบพลัค (Plaque) คือคราบของแบคทีเรียผสมกับน้ำเมือกเหนียวมีคุณสมบัติยึดติดแน่นกับผิวฟัน โดยคราบพลัคจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาประมาณ 20 - 30 นาทีหลังกินอาหาร เมื่อไม่ได้รับการทำความสะอาดหรือทำความสะอาดฟันไม่ดีพอ คราบพลัคจะค่อยๆ แข็งตัวขึ้น จนค่อยๆ กลายเป็นหินปูนภายใน 10 วัน ซึ่งหินปูนเหล่านี้ไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก
คราบพลัคเป็นตัวการทำให้ฟันผุ โดยคราบพลัคที่ติดอยู่กับฟันหลังจากการกินอาหาร แบคทีเรียจะย่อยสลายเศษอาหาร โดยเฉพาะแป้งและน้ำตาล ก่อให้เกิดกรดซึ่งทำลายเคลือบฟันและเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของฟันทำให้เกิดรูหรือโพรงในฟัน และมักมีการติดเชื้อเรื้อรังในฟันร่วมด้วยซึ่งเรียกว่าฟันผุ
เมื่อไม่ได้รับการรักษา ฟันผุจะกินลึกลงถึงเนื้อเยื่อในโพรงฟัน รากฟัน และทำให้ฟันเป็นหนอง ไม่สามารถแก้ไขด้วยการอุดหรือรักษารากฟันได้ จึงจำเป็นต้องถอนฟัน หรือบางครั้งฟันผุมากจนหักหรือหลุดไปเอง
นอกจากนี้คราบพลัคยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหินปูนเกาะฟัน หรือภาวะที่เกิดจากแร่ธาตุในน้ำลายเข้าผสมกับคราบพลัค ทำให้คราบพลัคแข็งตัวเป็นแผ่นหินปูนเกาะติดแน่นที่ขอบโคนฟัน และฝังลึกลงในร่องเหงือกรอบๆ ฟัน

คุณหมอกฤษณะ แนะนำวิธีป้องกันฟันผุและการเกิดหินปูนไว้ดังนี้
1. เลิกพฤติกรรมกินจุบจิบ ควรกินอาหารเป็นมื้อๆ
2. ไม่กินขนมหวาน แป้งขัดขาวหรืออาหารที่มีน้ำตาลปริมาณสูง
3. ควรแปรงฟันให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
4. พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนหรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์