วิตามินรวม + แคลเซียมและเหล็ก
วิตามินรวม ประเภทนี้เป็นการรวมตัวของวิตามินหลักๆที่ประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 วิตามินซีวิตามินดี วิตามินอี กรดโฟลิก (Folic Acid) แล้วเติมแคลเซียมและธาตุเหล็กลงไป บางยี่ห้ออาจมีแร่ธาตุอื่นๆ ผสมเข้าไปด้วยเช่น ไอโอดีน แมงกานีส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสีเป็นต้น
วิตามินชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกายให้สดชื่นกระฉับกระเฉง มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร และสูตินรีแพทย์นิยมให้วิตามินชนิดนี้แก่สตรีตั้งครรภ์เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของครรภ์มารดาอีกด้วย
B Complex
วิตามินรวมประเภท B Complex นี้ประกอบไปด้วยวิตามินตระกูลบี อันได้แก่ บี 1 บี 2 บี 3 บี 6 บี 12 เป็นวิตามินพื้นฐาน และมีตัวประกอบคือ บี 5 วิตามินเอชหรือไบโอติน(Biotin) โคลีน(Choline) อินอซิทอล (Inositol) วิตามินบี 9หรือกรดโฟลิก และพาบา (PABA)
หากนำวิตามินนอกกลุ่มมาผสม จะไม่ถือว่าเป็นสูตร BComplex (ลองสังเกตดูนะคะว่าที่ฉลากเขียนว่าเป็นวิตามินบีรวมหรือ B Complex และในส่วนประกอบเขียนว่าอย่างไร)
แล้วทำไมต้องเป็น B Complex ด้วยเล่า
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ให้เหตุผลว่าวิตามินบีแต่ละตัวนั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป และแต่ละตัวเมื่อใช้ร่วมกันจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ดังนั้น การใช้วิตามินบีต่าง ๆ ร่วมกันจึงเกิดประโยชน์ และวิตามินรวมสูตร B Complexนี้ยังใช้ในวงการแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อรักษาโรคต่างๆ ด้วย
สูตรผสม B Complex ของแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันเล็กน้อย (บ้างก็ต่างกันที่ปริมาณ บ้างก็ต่างที่ส่วนผสมรอง) ซึ่งทำให้ได้คุณสมบัติต่างกัน แต่โดยรวมแล้วจะมีคุณสมบัติ คือ
1. ช่วยในการย่อยหรือแตกตัวของคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นกลูโคส
2. ช่วยในการย่อยหรือแตกตัวของโปรตีนและไขมัน
3. ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ตามปกติ
4. ช่วยให้กล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
5. ช่วยบำรุงผิวหนัง ผม ตา ปาก และตับ
เพราะคุณสมบัติเหล่านี้ เราจึงมักได้ยินคำโฆษณาบ่อยๆ ว่าวิตามินบีจำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ววิตามินบีแต่ละตัวยังมีความโดดเด่น ดังนี้
วิตามินบี 1 หรือ ไทอะมีน (Thiamine)
สามารถช่วยแก้อาการเมาคลื่น เมาอากาศ เพิ่มภูมิชีวิต และรักษางูสวัดให้หายเร็วขึ้น
ข้อแนะนำ:
ให้กินวันละ 1 เม็ด (100 มิลลิกรัม) หลังอาหารเช้าในกรณีเครียด ตื่นเต้น เจ็บป่วย หรือพักฟื้นหลังผ่าตัด ควรกินวิตามินบี 1 ร่วมกับ B Complex
วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin)
เป็นตัวสำคัญในการช่วยการแตกตัวของโปรตีนและการเผาผลาญที่สมบูรณ์ของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ช่วยสร้างผิวหนัง เล็บ ผมแก้อาการปากเปื่อย ริมฝีปากและลิ้นแตก แก้อาการตามัว
ข้อแนะนำ:
ถ้าป่วยเป็นโรคขาดวิตามินบี 2 ควรกินวันละ 1 - 2เม็ด (100 มิลลิกรัม) หลังอาหารเช้า