ประสบการณ์ทำ กระดูกพัง ด้วยพฤติกรรมประจำวันผิด ๆ
กระดูกพัง เพราะพฤติกรรมของเราเอง เรื่องราวจากประสบการณ์จริง ที่มาบอกเล่าให้ถึงสาเหตุที่ทำร้ายกระดูก รวมทั้งแนวทางการดูแลรักษา
กระดูกสันหลังเคลื่อนจากอุบัติเหตุ ยิ่งละเลย ยิ่งอันตราย
เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บเฉียบพลันและรักษาจนหายแล้ว คนส่วนใหญ่มักมองข้ามการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และนั่นอาจนำมาซึ่งปัญหาที่ลุกลามบานปลายเช่นเดียวกับเรื่องราวของ คุณดวง 36 ปี
“เหตุเกิดขึ้นตอนอายุ 21 ปีค่ะ วันนั้นตั้งใจจะจัดสวนในบ้าน และต้องการย้ายตำแหน่งกระถางหินขนาดใหญ่หน้าบ้าน แต่อาจเป็นเพราะท่าทางการยกที่ผิด หรืออย่างไรไม่ทราบ จึงเกิดอาการปวดแปลบรุนแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่ง ผ่านไปหลายนาทีอาการปวดก็ไม่ลดลง ยิ่งขยับตัวก็ยิ่งปวดจนน้ำตาไหล จึงเรียกให้น้องชายอุ้มไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
“จากผลการตรวจร่างกาย คุณหมอบอกว่าหมอนรองกระดูกสันหลังข้อที่ 4 – 5 เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม และรักษาเบื้องต้นด้วยการให้ยาลดปวด หลังจากพักฟื้นดูอาการที่โรงพยาบาลจนดีขึ้นแล้วก็ให้กลับบ้าน โดยแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการนั่งทำงานนานๆ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้อุปกรณ์พยุงหลังเพื่อลดผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับกระดูกสันหลัง”
แต่ด้วยความที่เป็นเสาหลักของครอบครัว คุณดวงจึงมักทำงานเกินพอดีอีกทั้งไม่เกี่ยงงานหนัก ทำให้เธอแทบไม่ใส่ใจทำตามคำแนะนำของแพทย์เลย
“ตอนนั้นคิดว่า เมื่ออาการบาดเจ็บครั้งนี้หายแล้วก็คงไม่ส่งผลเสียอื่นๆ รบกวนชีวิตอีก จึงกลับมาใช้ชีวิตโดยไม่ได้ใส่ใจคำแนะนำของหมอ จึงมักยกของหนักโดยไม่สวมอุปกรณ์พยุงหลัง เพราะรู้สึกว่าสวมแล้วอึดอัดไม่สบายตัว อีกทั้งนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ชนิดที่งานไม่เสร็จก็ไม่ลุก อาการปวดหลังจึงเริ่มเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่ยกของในท่าทางที่ผิด แม้ของนั้นจะมีน้ำหนักน้อยก็อาจทำให้ปวดหลังจนต้องไปพบหมอเพื่อฉีดยาแก้ปวดที่โรงพยาบาลหลายต่อหลายครั้ง
“จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาคุณหมอตรวจอาการแล้วพบว่า เริ่มมีการยุบตัวของกระดูกสันหลังบริเวณนั้น ร่วมด้วย อาการปวดจึงยิ่งรุนแรงขึ้น ทางออกจึงเหลือเพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างถาวร หรือไม่ก็ต้องผ่าตัดกระดูกสันหลัง”
ถึงเวลาที่คุณดวงหันมายอมรับความจริงและแก้ปัญหาอย่างถูกต้องตรงจุดเสียที
“อาการปวดที่รุนแรงขึ้นจนยากินหรือยาฉีดแก้ปวดช่วยได้แค่ระยะสั้น ทำให้เราเริ่มมองหาทางออกอื่น ๆ ที่ถาวรกว่า นั่นคือ การปรับพฤติกรรมการทำงานของตนเองให้เหมาะสม เดี๋ยวนี้เลิกยกของหนัก
เลิกขับรถนาน ๆ และเลิกนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยเด็ดขาด หันมาออกกำลังกายเพื่อบริหารกระดูกสันหลัง และใส่ใจเรื่องอาหารมากขึ้นค่ะ
“หลังจากทำเช่นนี้มาระยะหนึ่ง อาการปวดหลังก็ลดลง แต่ยอมรับว่าคงไม่กลับไปหายสนิทดังเดิม นั่นเป็นเพราะเราเคยทิ้งโอกาสในการเยียวยาอาการบาดเจ็บครั้งแรก และปล่อยให้อาการนั้นสะสมเรื้อรัง
จนรักษาได้ยากขึ้นนั่นเอง”
หวังว่าเรื่องราวของคุณดวงคงเป็นอุทาหรณ์ไว้เตือนใจหลายคนที่ขยันแต่ขาดความระมัดระวังนะคะ