นิ่วในถุงน้ำดี โรคพบบ่อยของสายกินไม่ยั้ง
ไหนใครมีอาการท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาหารไม่ย่อย มักเป็นหลังทานอาหารมันๆ กันบ้าง ไม่แน่ว่า คุณอาจมีสัญญาณของ นิ่วในถุงน้ำดี ก็ได้ค่ะ เนื่องจากพฤติกรรมการกินของคนที่เปลี่ยนไป ทำให้คนส่วนใหญ่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน หรือแม้แต่คนน้ำหนักตัวปกติ แต่มีไขมันและคอเรสเตอรอลสะสมก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำดีตกตะกอนจนกลายเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
อาการ
ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีอาการท้องอืด จุกเสียด ปวดท้องทุกครั้งหลังกินข้าว ซึ่งหากใครมีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์
พฤติกรรมทำเสี่ยง
1. เลี่ยงและลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันและคอเรสเตอรอลสูง เพื่อป้องกันการสะสมในร่างกาย รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากก็มีผลเช่นกัน
2. ดูแลสุขภาพ อย่าปล่อยให้เบาหวานมาเยือน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีระดับของไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยในผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
3. อร่อยปากลำบากท้อง ความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้น
4. การลดน้ำหนักอย่างหักโหมรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ จะส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ ตับจะหลังคอเลสเตอรอลมากขึ้น ถุงน้ำดีบีบตัวลดลง จนน้ำดีที่ค้างอยู่ภายในเกิดการตกตะกอนได้
5. การใช้ยาคุมกำเนิดหรือใช้ฮอร์โมนทดแทนต่อเนื่องนานๆ จะส่งผลต่อคอเลสเตอรอลที่มากขึ้นและลดการเคลื่อนตัวของถุงน้ำดี
อาการเฝ้าระวัง ควรพบแพทย์
1. ท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาหารไม่ย่อย มักเป็นหลังทานอาหารมันๆ
2. ปวดบิดรุนแรงนานกว่าชั่วโมง บริเวณใต้ชายโครงขวา ปวดร้าวจนถึงไหล่ และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วม
3. ปวดท้องรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม โดยมักเป็นหลังกินอาหารมันหรือกินอาหารมื้อหนัก
4. อาการดีซ่าน (ตาเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง หากมีอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉันอย่างละเอียดทันทีค่ะ
(ที่มา : โรงพยาบาลพญาไท)