เก๊กฮวย ดอกไม้เป็นยา แก้ป่วยช่วงลมแรง ปรับสมดุลและขจัดสารพิษ
แพทย์หญิงศรันยา สาครินทร์ แพทย์แผนปัจจุบัน จบจากโรงพยาบาลรามาธิบดีและศึกษาต่อปริญญาโทด้านฝังเข็มยาจีน นวดทุยหนา และโภชนาการจากประเทศสหรัฐอเมริกา จึงมีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการรักษาโรคจากทั้งศาสตร์ตะวันออกและตะวันตก อธิบายว่า
เก๊กฮวย เป็นพืชดั้งเดิมของประเทศจีน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chrysanthemum เป็นพืชวงศ์เดียวกันกับดอกเบญจมาศ โดยส่วนใหญ่มักใช้ตรงส่วนดอกมาทำเป็นยา โดย ดอกเก๊กฮวยมีหลายสายพันธฺุ์
แต่ที่แพทย์แผนจีนนิยมใช้เพื่อให้สรรพคุณทางยามีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือสายพันดอกสีขาวและดอกสีเหลือง ในประเทศไทยก็นำมาปลูกกันบ้างในแถบจังหวัดที่มีอากาศค่อนข้างเย็น เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น
คุณสมบัติเด่นของดอกเก๊กฮวยคือ มีกลิ่นฉุน มีรสชาติขม และหวานปนกัน มีฤทธิ์เป็นยาเย็น สรรพคุณช่วยปรับสมดุลและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) เข้มข้นมาก
ดอกเก๊กฮวยสำหรับแพทย์แผนนถูกใช้มานานหลายพันปีแล้ว ส่วนใหญ่ใช้ในเรื่องการไล่หวัดของคนไข้ โดยเฉพาะอาการของหวัดร้อนที่เกิดจากลมแทรกเข้ามาในร่างกาย แล้วก่อการอักเสบ เกิดความร้อน ติดเชื้อขึ้นมา มักมีอาการเจ็บคอ แสบคอ อาการไอมีเสลดข้น ตัวร้อน เป็นต้น ด้วยสรรพคุณของดอกเก๊กฮวยช่วยไล่ลมร้อนออกจากร่างกายได้ เพราะเก๊กฮวยเป็นยาฤทธิ์เย็น
ความเชื่อของแพทย์แผนจีนบอกไว้ว่า ธรรมชาติจัดสรรมาให้ดอกเก๊กฮวยบานในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่ลมแรงจัดและคนมักป่วยจากลม ในช่วงลมแรงคนจีนจะเก็บเกี่ยวดอกเก๊กฮวยมาตากแห้งไว้เป็นยาได้จำนวนมาก และในสวนของรายละเอียดการดื่มก็แตกต่างกัน
เก๊กฮวยดอกตูมมีฤทธิ์เย็นกว่าดอกบาน และช่วยลดความร้อนได้ดีกว่า ช่วยอาการปวดหัว แก้อาการเจ็บตา ส่วนเก๊กฮวยดอกบานมีสรรพคุณในเรื่องการคลายเครียด ลดความดันโลหิตสูงได้ดีกว่า
ดอกเก๊กฮวยขาวมีชื่อว่า “ไป๋จวี๋ฮัว” เป็นดอกเก๊กฮวยที่มีกลีบดอกสีขาว มีฤทธิ์แรงและขมกว่าดอกเก๊กฮวยสีเหลือง ดอกสีขาวยังมีสรรพคุณพิเศษคือ ช่วยกำจัดแบคที่เรีย ขับฝีหัวขาวและหนองออก รักษาแผลได้ดี