วิตามินลดความอ้วน ขจัดไขมันหน้าท้อง ป้องกันสารพัดโรค
ตอนนี้ เมื่อพูดถึงสัดส่วนที่ทุกคนอยากลดที่สุดคงหนีไม่พ้นหน้าท้อง การมีพุง มีหน้าท้องนอกจากจะทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วน ไม่ชวนมองแล้ว ไขมันที่อยู่บริเวณท้องยังบ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น เราจึงแนะนำการกินอาหาร เพื่อให้ได้แร่ธาตุ และ วิตามินลดความอ้วน ลดไขมันหน้าท้องด้วย
ว่าด้วยไขมันหน้าท้อง
ช่องท้องนั้นประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วน อาการที่พบบ่อย คือ การปวดบริเวณช่องท้องซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบของกระเพาะอาหาร เกิดการสะสมของไขมันในช่องท้องจนเกิดโรคเรื้อรังตามมา ซึ่งอาจารย์สาทิสแนะนำวิธีสังเกตอาการผิดปกติเบื้องต้นดังนี้
อาการผิดปกติของช่องท้องจากท็อกซินภายใน
ปวดท้อง จากหน้าท้องไปจนถึงหลัง คลื่นไส้ อาเจียน อาจเกิดจากการอักเสบของตับอ่อน
อาการผิดปกติของช่องท้องจากท็อกซินภายนอก
ปวดท้องและหมดแรง นอนไม่หลับ ตาพร่ามัว อาจได้รับก๊าซพิษคาร์บอนไดซัลไฟด์จากการทำงานด้านอุตสาหกรรม
วิถีชีวิตสร้างไขมันหน้าท้อง
จากผลการวิจัยจากวารสาร Diabetology &Metabolic Syndrome ยืนยันว่า อาชีพที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อยมีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนลงพุงสูงกว่าอาชีพที่มีกิจกรรมทำตลอดวัน
โดยนักวิจัยเก็บข้อมูลจากผู้ชายชาวเยอรมัน 143 คน เปรียบเทียบระหว่างอาชีพพนักงานออฟฟิศกับพนักงานดับเพลิง เป็นไปตามคาดหมาย พนักงานออฟฟิศซึ่งทำงานนั่งโต๊ะเป็นส่วนใหญ่มีเส้นรอบเอวมากกว่าพนักงานดับเพลิงที่เคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลาขณะผจญเพลิง
นอกจากนี้ยังพบว่า พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่มีระดับไตรกลีเซอไรด์ ไขมันร้ายในเลือด ค่าดัชนีมวลกาย (ดัชนีชี้วัดความอ้วน) และระดับความดันโลหิต สูงกว่าพนักงานดับเพลิงอีกด้วย โดยพบว่า พนักงานออฟฟิศเป็นโรคอ้วนลงพุงร้อยละ 33 ในขณะที่พนักงานดับเพลิงเป็นโรคอ้วนลงพุงร้อยละ 14
โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลผ่านหนังสือความรู้เรื่องโรคอ้วนลงพุง ว่า โรคอ้วนลงพุง หรือ Metabolic Syndrome หมายถึง กลุ่มโรคที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารผิดปกติ ทำให้มีการสะสมไขมันบริเวณเอวหรือช่องท้องปริมาณมากเกินไป
ไขมันเหล่านี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลให้อินซูลินมีประสิทธิภาพลดลง เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดโรคไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ตามมาด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายหลายระบบพฤติกรรมเสี่ยงของโรคนี้
นอกจากการเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวันน้อย ยังเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ไม่ออกกำลังกาย กินอาหารพลังงานสูง อาหารหวาน มัน เค็มเป็นประจำ มีปัญหาสุขภาพที่ทำให้อ้วนง่าย เช่น โรคของต่อมไทรอยด์หรือรังไข่ ผลจากยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยารักษาโรคซึมเศร้า อายุที่มากขึ้นทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายลดลง การอดนอนจนทำให้ระดับอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
กินวิตามินลดไขมันหน้าท้อง
ผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุงนอกจากพบว่า ผู้ชายมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 เซนติเมตรขึ้นไป และผู้หญิงมีเส้นรอบเอวมากกว่า 80 เซนติเมตรขึ้นไปแล้ว ยังพบปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพอื่นๆ เช่น ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ระดับคอเลสเตอรอลดีชนิดเอชดีแอลต่ำ ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
อันดับแรกจึงแนะนำให้ควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะน้ำหนักทุกกิโลกรัมที่ลดลงไม่เพียงช่วยลดพุง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพต่างๆอีกด้วย
สำหรับผู้ที่มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง สมาคมโรคหัวใจ ประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้กินปลาทะเลหรือเสริมด้วยกรดไขมันโอเมก้า – 3 ที่มีส่วนประกอบของอีพีเอ (EPA) และดีเอชเอ (DHA) ที่สกัดจากปลาทะเลวันละ 2 – 4 กรัม เพื่อช่วยลดไขมันในเลือด
หากมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย แนะนำให้กินผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมสูง เช่น มะระขี้นก แตงกวา กล้วย แก้วมังกร เพราะโพแทสเซียมมีผลช่วยขับโซเดียม ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง
ส่วนแมกนีเซียมหากมีมากในเลือดจะช่วยลดการหดตัวของหลอดเลือดและกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งเพิ่มการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตต่ำลง
นอกจากนี้แนะนำให้กินธัญพืชที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง แทนข้าวขาว หลีกเลี่ยงแป้งและน้ำตาลขัดขาว เพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือด เป็นการลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
6 TOP FOOD อาหารลดน้ำหนัก ยิ่งกินยิ่งผอม