อ๋อง- พัฒนะ พันธุ์เทวะ ดาราหนุ่ม นักสู้ชีวิต ได้ดีทุกวันนี้ เพราะมีพี่ชายเป็นไอดอล
ดาราหนุ่ม นักสู้ชีวิต คนนี้คือ อ๋อง-พัฒนะ พันธุ์เทวะ มีชีวิตที่ดีอย่างทุกวันนี้ เพราะมีพี่ชายเป็นแบบอย่าง จากเด็กกำพร้า สู้ชีวิต สู่การเป็นนักแสดงชายเจ้าบทบาทมากฝีมือ
จากเดลินิวส์คอลัมน์ นิยายชีวิตอาทิตย์สไตล์ โดยคุณทวีลาภ บวกทอง นำเสนอเรื่องราวของอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง คือ ผศ.ดร. พีระ พันลูกท้าว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองคณบดีฝ่ายอำนวยการ ประกันคุณภาพและวิเทศสัมพันธ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จากลูกกำพร้าพ่อตายแม่ทิ้ง เด็กบ้านนอกสู่ “รองคณบดี” เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา
ท่านเป็นพี่ชายของดาราชายเจ้าบทบาทอย่าง ‘อ๋อง-พัฒนะ พันธุ์เทวะ’ ซึ่งเดลินิวส์ได้เผยแพร่ข้อมูลเรื่องราวในวัยเด็กของดาราหนุ่มคนนี้ว่า ชีวิตในวัยเด็กของเขามีพี่ชายเป็นผู้นำ และเขาก็ดำเนินตามอย่างพี่ชายทุกอย่าง
ชีวิตในตอนนั้นแร้นแค้นมาก พี่ชายจะทอดไข่ดาว 1 ใบแล้วแบ่งไว้ให้เขาครึ่งใบ หลังจากกลับจากโรงเรียนจะรับประทานไข่ดาวที่พี่ชายแบ่งไว้ให้ ถ้าอยากกินขนมก็ไปหาเก็บตามถังขยะ หรือเศษขนมที่ตกพื้น เอามาล้างน้ำแล้วรับประทาน ของใช้ในชีวิตประจำวันเป็นของมือสอง เช่น กางเกงใน (ใส่จนขาดลุ่ยเลย) คุณแม่แยกทางกับคุณพ่อ แล้วคุณพ่อก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จึงเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากคุณลุงกับคุณป้า
ตอนเด็กเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่งเลย เรียกว่าเป็น ‘เด็กโง่’ เลยก็ว่าได้ ได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดแค่ 1.36 ต่ำสุดก็ 0.76 แต่อาจารย์ท่านหนึ่งมีความเมตตาต่อเขามาก ท่านคือ อาจารย์เอกชัย ไก่แก้ว ท่านเปรียบเหมือนพ่อคนหนึ่งของเขา ท่านค่อยแนะนำทุกอย่าง ทำให้เด็กหลังห้องอย่างเขากลายเป็นนักเรียนที่สอบติดอันดับ 1 ของประเทศในสาขาบัลเล่ต์ เขาตัดสินใจเรียนที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เพราะคิดว่าถ้าเลือกเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องใช้เงินอย่างต่ำเดือนลั 15,000 บาท กลัวว่าจะกลายเป็นภาระของคุณลุงกับคุณป้า เพราะท่านเองก็มีลูกที่ต้องส่งเสียเล่าเรียนอีก 3 คน
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2542 ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 2 ลองลงประกวดดัชชี่บอย และแสดงความสามารถด้วยการเต้นบัลเล่ต์จนชนะใจคณะกรรมการ นับจากนั้นจึงมีโอกาสแสดงละครเรื่องแรกคือ “ปริศนา” (เวอร์ชั่นเจษฎาภรณ์ – เทย่า) ตามด้วยละครเรื่อง “คมพยาบาท” (เวอร์ชั่นวีรภาพ-จีรนันท์) เรียนจบก็ได้เกรียรตินิยมอันดับ 2 ของคณะฯ จากนั้นก็ผันตนเองมาโลดแล่นในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว เล่นละครมากว่า 50 เรื่อง เป็นพิธีกรมากว่า 10 ปี พัฒนาตนเองเป็นผู้เขียนบทละครโทรทัศน์ด้วย (เก่งจังเลยค่ะ)
อ๋องไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะได้เป็นดารา เพราะเด็กโง่ๆอย่างเขาจะไปอยู่ส่วนไหนของสังคมได้บ้างก็ไม่รู้ คงมีทางให้เลือกได้ไม่กี่ทาง ไม่เป็นเด็กปั๊ม ก็เป็นเด็กซ่อมรถ ปะยางรถ ขอเพียงชีวิตไม่อดตายก็เป็นพอแล้ว ไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย จนเขามีโอกาสได้บวชรับธรรมะมาปฏิบัติบ้าง จึงเข้าใจว่า ถ้าเราประพฤติดีมาตลอด ผลของการทำความดีจะย้อนกลับมาหาตัวเขาในสักวัน
ถ้าชีวิตไม่ผ่านอุปสรรคทั้งหมดที่เข้ามา ก็อาจจะไม่มีเขาในวันนี้ ขอขอบคุณทุก ๆ คน ตั้งแต่ครอบครัวคุณลุงกับคุณป้า (ตอนนี้ท่านทั้ง 2 เสียชีวิตแล้ว) อาจารย์เอกชัย เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และโดยเฉพาะพี่ชาย (ผศ.ดร. พีระ พันลูกท้าว) ที่เป็นไอดอลให้เขาเสมอมา เพราะชีวิตไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ คนเราถ้าไม่สิ้นไร้ไม้ตอกเสียก่อน แม้จะไม่มีที่อยู่และไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เราจะเห็นโอกาสเล็ก ๆ และใช้เป็นเส้นทางเดินของเรา แล้วทุกลมหายใจที่กำหนดได้
ถ้าเราล้มขออย่าเพิ่งท้อ เพราะความมืดมีแค่ 12 ชั่วโมง อย่าทำให้มีความมืดกลืนไปทั้งหมด 24 ชั่วโมง หรือกลืนกินไปทั้งชีวิต นอกจากนี้เขายังคิดมาเสมอว่า เขาไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพียงแต่ชีวิตต้องพยายามก้าวเดินต่อไป อย่าให้ขวากหนามในอดีตที่เป็นบาดแผล ทำให้จิตใจของเราเศร้าหมอง จงยิ้มและสู้กับมันแล้วก้าวต่อไป
ที่มา :
ภาพ :
บทความน่าสนใจ
จากเด็กแสบที่เคยทำพ่อแม่เสียใจ สู่ชีวิตที่คิดได้เมื่อเข้าถึงความเป็นพุทธของ ท็อป จรณ โสรัตน์
แม็กซ์ เดี่ยวดวลไมค์ กับ 9 ปีที่สู้ชีวิตจนได้แชมป์เดี่ยวดวลไมค์
พี่สาวสู้ชีวิต ป่วยมะเร็งกว่าทศวรรษ
กชพรรณ วิรุฬห์รักษ์สกุล จากแม่ค้าเร่สู้ชีวิต สู่เศรษฐีร้อยล้าน
ในวันที่ ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้ | เรื่องจริงของชายหนุ่มผู้จุดประกายความหวังให้พี่น้องชาวนา