อาการมะเร็งปอด

อาการมะเร็งปอด รู้ไว้ก่อนก็รอดได้ไว

อาการมะเร็งปอด สังเกตตัวเองดี ๆ ก็รู้ได้ก่อน และรอดได้ไว

โรคมะเร็งปอด เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยทั้งในคนไทยและทั่วโลก สำหรับ อาการมะเร็งปอด จะเป็นอย่างไรนั้น เรามาดูกัน

มะเร็งปอด ถือเป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และอาจเกิดตำแหน่งเดียว หรือหลาย ๆ ตำแหน่งที่ปอดข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง โดยอัตราการเกิดในปอดข้างซ้ายและข้างขวาใกล้เคียงกัน

ในบทนี้จะกล่าวถึงมะเร็งปอดพอเป็นสังเขป ทั้งนี้เพราะมะเร็งปอดเป็นโรคในอีกสาขาวิชาแพทย์ที่ไม่รวมอยู่ในโรคทั่วไปของปอด แต่จะอยู่ในการแพทย์สาขามะเร็งวิทยาและรังสีรักษา

สาเหตุมะเร็งปอด

สาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งปอดยังไม่ทราบชัดเจน แต่พบว่าปัจจัย เสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือ การสูบบุหรี่ และการได้รับควันบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานาน

อาการมะเร็งปอด

ไม่มีอาการเฉพาะของโรคมะเร็งปอด หากเป็นอาการเหมือนกับโรค ปอดจากสาเหตุอื่น ๆ แต่ทั้งนี้มักไม่มีอาการในโรคระยะแรก จนเมื่อโรคลุกลามและแพร่กระจายจึงจะมีอาการ

อาการที่พบบ่อยของโรคมะเร็งปอด ได้แก่

  • ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะ อาจมีเสมหะปนเลือด
  • เหนื่อยง่าย เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอกด้านเป็นโรค
  • บวมที่หน้า แขน นอนราบไม่ได้ จะหอบเหนื่อยมาก หายใจ ลำบาก
  • อาการทางสมอง เช่น เป็นอัมพาต เมื่อโรคแพร่กระจายเข้าสมอง และอาการปวดกระดูก โดยเฉพาะปวดหลังเรื้อรังเมื่อโรคแพร่กระจายเข้ากระดูก

การวินิจฉัย

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งปอดได้จากประวัติอาการ ประวัติการสูบบุหรี่ การตรวจร่างกาย การเอกซเรย์ปอด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การส่องกล้องปอด การตัดชิ้นเนื้อจากการส่องกล้องเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา หรือ การตรวจเซลล์ทางเซลล์วิทยาจากการดูดหรือเจาะก้อนเนื้อหรือน้ำในปอด และอาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์

ระยะของโรค

โรคมะเร็งปอดแบ่งเป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่น ๆ โดยความรุนแรงโรคจะสูงสุดในระยะที่ 4 ซึ่งโรคแพร่กระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อและอวัยวะอื่น ๆ เช่น เนื้อเยื่อปอดเอง น้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด สมอง กระดูก ตับ ซึ่งในโรคระยะนี้ผู้ป่วยมักเสียชีวิตภายใน 1 ปี ส่วนอัตราอยู่รอดที่ 5 ปีเมื่อได้รับการรักษาถูกต้องของโรคระยะที่ 1 ประมาณร้อยละ 30-50 โรคระยะที่ 2 ประมาณร้อยละ 10- 30 และโรคระยะที่ 3 ประมาณร้อยละ 5 – 15

แนวทางการรักษา

แนวทางการรักษาโรคมะเร็งปอดมีทั้งผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด และยารักษาตรงเป้า ซึ่งแพทย์อาจเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดเซลล์มะเร็ง ระยะโรค อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย

ความรุนแรงของโรค

โรคมะเร็งปอดเป็นโรครุนแรง เมื่อเริ่มเป็นมักไม่มีอาการ ผู้ป่วยมัก มาพบแพทย์ในโรคระยะลุกลามหรือแพร่กระจาย เมื่อตรวจพบโรค และถึงแม้จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โอกาสอยู่รอดที่ 5 ปีเฉลี่ยเพียงประมาณร้อยละ 15

สาเหตุของการเสียชีวิต คือ จากภาวะปอดล้มเหลว การติดเชื้อรุนแรงทั้งของปอดเองและในกระแสโลหิต และ หรือจากโรคแพร่กระจายเข้าตัวเนื้อเยื่อปอดเอง สมอง ไขสันหลัง ไขกระดูก กระดูก และเข้าตับ ส่งผลให้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะเหล่านั้นล้มเหลว ร่างกายจึงอยู่ไม่ได้ และเสียชีวิตในที่สุด

การตรวจค้ดกรอง

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ช่วยวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปอด แต่ยังเป็นเรื่องยากที่จะช่วยให้พบโรคตั้งแต่ยังไม่มีอาการ

ทั้งนี้ การป้องกันโรคมะเร็งปอดที่สำคัญ คือ ไม่สูบบุรี่ และหลีกเลี่ยง การได้รับควันบุหรี่ รวมทั้งการดูแลสุขภาพในด้านอื่น ๆ เช่น กิน นอน พักผ่อน และออกกำลังกาย

สมุนไพรเพื่อปอด ที่ควรกินเพื่อดูแลร่างกาย

ใครที่อยากมีลมหายใจและปอดที่แข็งแรง เราขอแนะนำสมุนไพรพื้นบ้านที่มีสรรพคุณบำรุงฟื้นฟูปอด และระบบทางเดินหายใจ

ขมิ้นชัน

การทำงานของปอดในประชากรผู้สูงอายุชาวจีนที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ผลการศึกษาระบุว่า การบริโภคแกงที่มีขมิ้นชันอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้สมรรถภาพของปอดดีขึ้น และยิ่งบริโภคแกงที่มีขมิ้นชันบ่อย สมรรถภาพของปอดก็ยิ่งสูงมากขึ้น

นอกจากนี้ยังพบว่า ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมิน ที่มีฤทธิ์โดดเด่นในการต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่ดีมาก ฤทธิ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ว่าช่วยป้องกันปอดจากการอักเสบ

ใบหูเสือ

มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ช่วยขยายหลอดลม โดยตำรับยาโบราณ แนะนำให้ใช้ใบหูเสือสด 4 – 5 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร จนเดือด สังเกตเห็นตัวยาละลายออกมา ใช้ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 เวลา ก่อนหรือหลังอาหาร มีสรรพคุณช่วยทำให้อาการไอเรื้อรัง เจ็บคอ และคออักเสบดีขึ้น

ดอกปีบ

ตามตำรายาระบุว่า มีสรรพคุณแก้ริดสีดวงจมูก ช่วยขยายหลอดลม แก้หืด ขับน้ำดี บำรุงกำลัง บำรุงเลือด รากใช้รักษาวัณโรค บำรุงปอด แก้หอบ แก้ไอ แก้เหนื่อยหอบ และเปลือก ช่วยแก้ไอ ขับเสมหะ

เพียงนำดอกปีบมาตากแห้ง ชงใส่น้ำร้อนดื่มเป็นชา จะให้กลิ่นหอมละมุนรสชาตินุ่มนวล ช่วยบำรุงระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบัน มีงานวิจัยยืนยันว่าในดอกปีบมีสารฮิสปิดูลิน (Hispidulin) ซึ่งระเหยได้ มีฤทธิ์ขยายหลอดลม

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

สายกิน สายบุฟเฟ่ต์ต้องรู้ เทคนิคแก้ท้องอืดไว้ดูแลตัวเองหลังพุงระเบิด

เทคนิคใกล้ตัวช่วย โกร๊ธฮอร์โมน หลั่ง ควรทำควบคู่ออกกำลังกาย

เดินเร็ว ช่วยป้องกันกระดูกเสื่อมได้จริง

แรงกระแทก ดีต่อกระดูกอย่างไร หมอมีคำตอบ

มหัศจรรย์แห่ง การเดิน แรงกระแทกต่ำ ทำได้ทุกคน

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสาชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.