ภูมิต้านทานปอด

หมอวินัย โบเวจา แนะ ภูมิต้านทานปอด ตามธรรมชาติ

ภูมิต้านทานปอด ตามธรรชาติ

เพราะปัจจุบันนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต มลพิษต่าง ๆ ล้วนก่อให้เกิดปัญหากับปอดของเรา วันนี้ นายแพทย์วินัย โบเวจา แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบหายใจและภาวะวิกฤติโรคระบบหายใจ มีคำแนะนำเกี่ยวกับ ภูมิต้านทานปอด ตามธรรมชาติ มาฝากค่ะ

ภูมิต้านทานปอดที่ดีตามธรรมชาติ

ทำอย่างไรให้ปอดเรามีภูมิต้านทานที่ดี คุณหมอ วินัยอธิบายว่า

“อันดับแรกเราต้องยอมรับก่อนว่าเราป่วยหรือไม่ป่วย จะไปโทษดินฟ้าอากาศไม่ได้ อยู่ที่ตัวเราเอง อย่างชาวไร่ ชาวนาต้องอยู่กับดิน อยู่กับแดด อยู่กับดินฟ้าอากาศ แต่โอกาสป่วยน้อยกว่าคนในเมือง เด็กต่างจังหวัดโอกาสเป็นภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กกรุงเทพฯ เด็กกรุงเทพฯส่วนใหญ่เป็นภูมิแพ้ คำถามคือมันเป็นไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เราอยู่ในเมือง เมืองเป็นที่ที่น้ำก็ดี อาหารก็ดี อากาศก็ดี บ้านมีเครื่องฟอกอากาศ การเข้าถึงวัคซีน การเข้าถึงแพทย์ในเมืองมีทุกอย่าง

“แต่ผลลัพธ์คือเราป่วยมากกว่า ทั้ง ๆ ที่มีทุกอย่าง มันเป็นไปได้อย่างไร แสดงว่าเราต้องย้อนกลับมาดูที่ Core Immunity หรือภูมิต้านทานลึก ๆ หรือเปล่า ทำไมคนต่างจังหวัดภูมิพื้นฐานเขาแข็งแรงโดยธรรมชาติได้ เราสามารถถอดรหัสและเรียนรู้การสร้างภูมิต้านทานของเขาได้

“กฎเหล็กข้อที่หนึ่ง ก่อนที่เราจะพูดเรื่องการไปเข้าฟิตเนส การกินคีโต คือนอน เป็นเรื่องง่ายที่สุด ถูกที่สุด พื้นฐานที่สุด แต่เป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามมากที่สุด สำหรับผมคือต้องเข้านอนให้เป็นเวลา ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ฮอร์โมนซ่อมแซมร่างกายทำงานด้วย การเข้านอนตรงเวลาเราจะได้ผลประโยชน์จากการซ่อมแซมตัวเองของร่างกายโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย คล้ายกับการปิดเครื่องให้ตรงเวลา แล้วเครื่องจะชาร์จพลังงานเอง

“การเข้านอนสำหรับผมคือเวลาสี่ทุ่มหรือสี่ทุ่มครึ่ง เป็นเวลาที่ดีมาก ตื่นเช้าหกโมงครึ่งหรือเจ็ดโมงครึ่ง เป็นเวลาที่เหมาะสม สำหรับประชาชนทั่วไปการเข้านอนตรงเวลาจะได้ประโยชน์จากฮอร์โมนซ่อมแซมร่างกาย ที่จะซ่อมตัวเอง โดยเราไม่ต้องกินยา ไม่ต้องกินอาหารเสริม คนโบราณจึงบอกว่าอยากให้เด็กสูงต้องฝึกให้เด็กนอนเร็ว เขาสังเกตว่าเด็กนอนเร็วแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย เลยสูง

“ดังนั้นหากต้องการสร้างภูมิต้านทานปอดให้นอนเร็ว สังเกตว่าเด็กหรือคนทุกวันนี้ป่วยหนัก ไม่ค่อยหายเอง ต้องไปหาหมอ ต่างจากเมื่อก่อนที่ป่วยเล็กน้อย ไม่กี่วันก็หายเอง หรือเต็มที่แค่ไปสถานีอนามัยใกล้บ้านก็หาย ดังนั้นนอนให้ไว

“เช่นเดียวกับผม เมื่อรักษาคนไข้โรคเรื้อรังผมจะไม่แนะนำให้ใช้ยาอย่างเดียว แต่ผมจะแนะนำให้ฝึกนอน ทุกครั้งเวลาตรวจผมจึงถามเรื่องการนอน คนไข้ที่กลับไปปรับเรื่องการนอนอาการดีขึ้นทุกคน ส่วนคำถามว่า ควรนอนแค่ไหน บางคนอาจจะ 6 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง หรือ 10 ชั่วโมง ให้ร่างกายเราบอกเอง

“สอง ตากแดด หลายคนเข้าใจว่าแดดให้วิตามินดี แต่จริง ๆ แล้วแสงแดดมีประโยชน์อีกมหาศาล การตากแดดตอนเช้าส่งผลดีต่อภูมิต้านทานปอดแน่นอน คือกระตุ้นให้เกิดการนอนหลับลึก พบว่าคนที่ตากแดดตอนเช้าจะเข้านอนได้ดีและนอนหลับลึกกว่าคนที่ไม่ได้ตากแดดเช้า

“นอกจากวิตามินดีแล้ว แสงแดดยังให้ Red Light ยูวีเอเหล่านี้สำคัญต่อร่างกาย แดดที่ดีคือแดดเช้า เพราะทำให้ไม่ดำ คนไข้ผมหลาย ๆ คนพอฝึกโดนแดดอาการภูมิแพ้ดีขึ้นทุกคน

ภูมิต้านทานปอด

“สาม น้ำ การสร้างภูมิต้านทานที่ดีที่สุดคือการดื่มน้ำ หลายคนเสมหะเหนียว น้ำมูกข้น หารู้ไม่ว่าเป็นเพราะไม่ดื่มน้ำ แต่ไปดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำดื่มกระป๋อง โชดา เครื่องดื่มเหล่านี้ล้วนทำให้เสมหะเหนียวข้น แค่ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ทำให้เป็นนิสัย ก็สามารถเพิ่มภูมิต้านทานปอดได้

“สี่ เดิน คนปัจจุบันนั่งเป็นส่วนใหญ่ นั่งทำงาน นั่งในรถ การเคลื่อนไหวไม่ค่อยมี มีข้อมูลมากมายบอกว่าคนที่เดินมากกว่านั่งสุขภาพดีกว่า อย่างคนต่างจังหวัด เขาเดินในสวน เดินจากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง เขามีกิจกรรม เดินทั้งวัน ซึ่งช่วยลดสารอักเสบในร่างกาย

“การนั่งนานส่งผลเสียทำให้ปวดหลัง ปวดเอว แค่นี้ก็รู้ว่าร่างกายเราไม่สมดุล การเพิ่มกิจกรรมให้ร่างกาย ส่งผลต่อภูมิต้านทานปอดแน่นอน ถ้าเดินได้ก็จะดี หรือออกกำลังกายได้ยิ่งดี เล่นเวต เล่นโยคะยิ่งดี

“อาหาร ต้องยอมรับว่าอาหารปัจจุบันที่เรากินแบบแปรรูป อาหารแช่แข็ง ขนมถุงต่าง ๆ เราไม่รู้ว่าเขาใช้สารปรุงแต่ง น้ำมัน ผงชูรส ซึ่งล้วนแต่ทำให้มีอาการไอ คันคอ กระตุ้นกรดไหลย้อน อาหารอะไรที่ทำให้ปอดแข็งแรง คือกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินโพรไบโอติกส์

“ถ้ากลุ่มอาหารเสริม ได้แก่ วิตามินดีและวิตามินซี สองชนิดนี้มีข้อมูลบางส่วนรองรับว่าช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน แต่ไม่มีข้อมูลว่าวิตามินดีและวิตามินซีป้องกันโรคได้

“อาหารที่ผมอยากจะส่งเสริมคืออาหารสมุนไพร เครื่องเทศของไทย เช่น ขิง กระเทียม หัวหอม ข่า ขมิ้นชัน และกลุ่มมะทั้งหลาย มะแว้ง มะขาม พวกนี้ เป็นอาหารธรรมชาติที่ช่วยละลายเสมหะ พริกก็ช่วยขับ เสมหะ ลดน้ำมูก

“สุดท้ายคือ Breathing Exercise การออกกำลังกายด้วยการหายใจ เช่น โยคะ ไทชิ ไทเก๊ก เป็นการออกกำลังกายที่มีงานวิจัยชัดเจนว่าช่วยเพิ่มปริมาตรปอด ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกะบังลม การมีกล้ามเนื้อกะบังลมที่ดีจะช่วยขับเสมหะ”

บทความอื่นที่น่าสนใจ

มะเร็งปอดจาก PM2.5 ใกล้ตัวกว่าที่คิด

ออกกำลังกาย ได้หุ่น ได้ เสริมภูมิคุ้มกัน

แสงแดด ของฟรี ดีต่อสุขภาพ

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.