เบาหวานเป็นได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยยิ่งเป็นง่าย!
ปัจจุบันอัตราการเป็นโรคเบาหวานของคนไทยเพิ่มขึ้น โดยพบมากในผู้สูงอายุสำหรับ แต่ก็อย่าลืมว่าโรคเบาหวานพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย เด็กและผู้ใหญ่ที่รูปร่างอ้วนจะมีโอกาสเป็นเบาหวานได้สูงเช่นกัน ดังนั้น จึงมีคนจำนวนมากที่ไม่ทราบว่าเป็นโรคนี้เบาหวานเกิดจาก ความผิดปกติของตับอ่อนที่สร้างฮอร์โมนอินสุลินได้ไม่เพียงพอและออกฤทธิ์ควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้ไม่ดี มีผลให้กลูโคสในเลือดสูงจนล้นออกมาในปัสสาวะ
วันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับเจ้าโรคชื่อหวานๆ แต่ไม่หวานสมชื่อ อย่าง “เบาหวาน” ไปพร้อมๆ กันค่ะ
ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างไร
ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นภายหลังมื้ออาหาร จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินเข้าสู่กระแสเลือดและนำน้ำตาลไปใช้ เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงโดยจะเก็บสะสมในรูปไขมัน ( ไตรกลีเซอไรด์ ) ที่เนื้อเยื่อไขมันตามใต้ผิวหนังและหน้าท้อง ขณะอดอาหารร่างกายสามารถสร้างน้ำตาลเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม คนปกติมีระดับน้ำตาล ( กลูโคส ) ในเลือดหลังอดอาหารนานกว่า 8 ชั่วโมง มีค่า 60 – 110 มก/ดล หรือภายหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงจะไม่เกิน 140 มก/ดล
มีเกณฑ์อย่างไรในการวินิจฉัยโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานสามารถตรวจพบได้จากการตรวจเลือด โดยมีเกณฑ์การวินิจฉัยโรคดังนี้
– ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 126 มก/ดล
– ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดจากการตรวจเวลาใดก็ได้มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 200 มก/ดล ร่วมกับมีอาการของโรคเบาหวาน เช่น ปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมาก ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวานควรรับการตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี เมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไป
โรคเบาหวานมีกี่ชนิด
- โรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักเกิดในเด็กจนถึงวัยรุ่น มีรูปผอมสาเหตุเกิดจากภาวะคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการ
อักเสบและมีการทำลายเซลล์ตับอ่อนจนหมด ทำให้สร้างอินซูลินไม่ได้ จึงต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่พบในเพศหญิง ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีรูปร่างอ้วนหรือปกติ และมีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน มีสาเหตุจากร่างกายสร้างอินซูลินไม่เพียงพอและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
- โรคเบาหวานชนิดอื่นๆ ที่พบได้ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การได้รับยาบางชนิด โรคของตับอ่อน เป็นต้น
- โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์ไปต้านฤทธิ์ของอินซูลิน ภายหลังคลอดส่วนใหญ่โรคเบาหวานจะหายไป แต่ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานเมื่ออายุมากขึ้น
สาเหตุของโรคเบาหวานมีอะไรบ้าง
สาเหตุโรคเบาหวานที่แท้จริงไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยได้แก่
- กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวครัวเป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น
- ความอ้วน ขาดการออกกำลังกายและ ภาวะเครียดทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินไม่ดี
- การติดเชื้อไวรัส ทำให้ตับอ่อนถูกทำลายจากร่างกายเกิดภูมิต้านทานต่อเซลล์ของตับอ่อน
- อายุมากขึ้น ตับอ่อนมีการสร้างอินซูลินลดลง
- โรคของตับอ่อน เช่น มะเร็งของตับอ่อน การผ่าตัดตับอ่อน ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังจากการดื่มสุรา เป็นต้น
- ภาวะการณ์ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจากรกหลายชนิดมีผลไปยับยั้งการออกฤทธิ์ของอินซูลิน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หลายครั้ง
จะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน
- ยาบางชนิด ถ้าใช้ไปนานๆ จะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน เช่น สเตียรอยด์ เป็นต้น
อาการของโรคเบาหวานมีอะไรบ้าง
ผู้ทีมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ปกติเล็กน้อย อาจจะยังไม่มีอาการ ส่วนใหญ่อาการของโรคเกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงและภาวะแทรกซ้อนจากการควบคุมโรคไม่ได้ผล อาการที่สำคัญและพบบ่อย ได้แก่
- ปัสสาวะบ่อยและจำนวนมากเนื่องจากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนล้นออกทางปัสสาวะ และดึงน้ำออกมาด้วย
- หิวน้ำบ่อยและรับประทานอาหารได้มาก
- หิวบ่อยและรับประทานอาหารได้มาก
- น้ำหนักลดหรือผอมลงและอ่อนเพลีย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลในเลือดเป็นพลังงาน จึงสลายเนื้อเยื่อของ
ร่างกายมาใช้ทาน
- คันตามตัวหรืออวัยวะเพศ
- ตามัว จากน้ำตาลในเรื่องเลือดสูงไปคั่งในตา ทำให้ตาพร่ามัวได้
- ชาปลายมือและปลายเท้า จากการเสื่อมของเส้นประสาท
- ซึมลงหรือไม่รู้ตัว จากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือผู้ป่วยที่ขาดการรักษาต่อเนื่อง
อาการแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนทางสายตา (Diabetic retinopathy)
เกิดจากการที่น้ำตาลเข้าไปใน endothelium ของ หลอดเลือดเล็กๆ ในลูกตา ทำให้หลอดเลือดเหล่านี้มีการสร้างไกลโคโปรตีนซึ่งจะถูกขนย้ายออกมาเป็น Basement membrane มากขึ้น ทำให้ Basement membrane หนา แต่เปราะ หลอดเลือดเหล่านี้จะฉีกขาดได้ง่าย เลือดและสารบางอย่างที่อยู่ในเลือดจะรั่วออกมา และมีส่วนทำให้ Macula บวม ซึ่งจะทำให้เกิด Blurred vision หลอดเลือดที่ฉีกขาดจะสร้างแขนงของหลอดเลือดใหม่ออกมามากมายจน บดบังแสงที่มาตกกระทบยัง Retina ทำให้การมองเห็นของผู้ป่วยแย่ลง