รู้ก่อนใคร กินอะไรจึงทำให้แก่ช้า
อาหารการกินเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากที่สุด หากจะถามว่า กินอะไรจึงทำให้แก่ช้า คงสมเหตุสมผล เพราะอาหารค่อนข้างมีอิทธิพลต่อสุขภาพร่างกายของเรามากพอตัว วันนี้เราจึงขออ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ Anti-Aging รู้ก่อนใคร ชะลอวัยก่อนเพื่อน โดย พน.เสฏวุฒิ งามเมธิชัยวงศ์ สำนักพิมพ์ AMARIN Health มาเฉลยคำตอบค่ะ
สูตรอาหารแบบโซน
เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่คิดค้นโดย ดร.แบร์รี่ เซียร์ส ชาวอเมริกัน โดยมีแนวคิดว่า หากร่างกายของเราทำงานได้อย่างสมดุลอยู่ในโซน (Zone) ซึ่งเป็นสภาพที่ระบบต่างๆของร่างกายทำงานได้ดีที่สุดแล้ว จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ น้อย
หัวใจหลักของสูตรอาหารแบบโซน คือ ควบคุมการอักเสบในร่างกายให้มีน้อยที่สุด ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย และส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้ดีที่สุด
นอกจากนี้แล้วยังพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่เรารับประทานกับการแสดงออกของยีน (พันธุกรรม) อีกด้วย ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารแบบโซน จะมีผลให้ยีนที่ดีแสดงผลออกมา ในขณะที่ยีนไม่ดีหรือยีนก่อโรคไม่แสดงผลออกมาหรือออกมาน้อยที่สุดนั่นเอง ทำให้สูตรอาหารแบบโซนเป็นอาหารที่ตอบโจทย์เรื่องการชะลอวัยได้อย่างแท้จริง
สำหรับอาหารแบบโซนนั้นเป็นสูตรอาหารที่มีสัดส่วนของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวันจากสารอาหารหลัก ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต : ไขมัน : โปรตีน เท่ากับ 40 : 30 : 30 ตามลำดับ ซึ่งถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสมดุล ประเภทของอาหารที่แนะนำให้รับประทานประกอบด้วย
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrate)
เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช ถั่วต่างๆ ผัก ผลไม้หลากสี
ไขมันดี
ได้แก่ ไขมันจากน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว หรืออะโวคาโด ซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวตำแหน่งเดียวในปริมาณมาก และไขมันประเภทโอเมก้า-3 เช่น น้ำมันปลา ปลาทูน่า ปลาแซลมอน อัลมอนด์ เป็นต้น
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย (Low Fat Protein)
เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ เป็นต้น
ปัจจุบันเราพบว่า การรับประทานอาหารแบบโซนมีประโยชน์ทั้งในด้านลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งด้วย จึงถือว่าเป็นสูตรอาหารชะลอวัยที่น่าสนใจและสามารถและสามารถนำไปปรับใช้ได้ง่ายๆกับทุกคน รวมทั้งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องรักษาโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือแม้กระทั่งโรคหัวใจ