กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลสารที่พบในกัญชาดังนี้
สารในกัญชามีมากกว่า 500 ชนิด แต่สาระสำคัญที่มีข้อมูลการศึกษามากมี 2 ตัว คือ THC และ CBD และยังพบสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ และสารกลุ่มเทอร์ปีน เช่น Myrcene, Alpha-pinene, Beta-caryo-phyllene จะเป็นตัวเสริมการออกฤทธิ์ทางยากับกลุ่มแคนนาบินอยด์ เรียกการเสริมฤทธิ์นี้ว่า “Entourage Effect”
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเรื่องข้อควรระวัง การใช้กัญชาทางการแพทย์ดังนี้
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาที่มี THC เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดจิตเภทและลดพัฒนาการทางสมองได้
- ผู้ที่เป็นโรคตับและโรคไต (ไม่แนะนำให้ใช้ในคนไข้ไตวายระยะสามขึ้นไป หรือมีค่าอัตราการกรองของไต GFR น้อยกว่า 60) เนื่องจากยังไม่ข้อมูลความปลอดภัยชัดเจน แต่จากการเปลี่ยนแปลงยาพบว่าเกิดขึ้นที่ตับส่วนใหญ่ หากจำเป็นต้องใช้ให้ลดขนาดยาลง)
- ผู้ป่วยที่ติดสารเสพติด รวมถึงนิโคติน หรือผู้ดื่มสุราอย่างหนัก
- ผู้ใช้ยาอื่นๆ เช่น ยานอนหลับ ยาจิตเวช ยาลดการเต้นของหัวใจ ยากันชัก ยาละลายลิ่มเลือดวาร์ฟาริน เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริรยาระหว่างกัน
- ผู้สูงอายุ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการมากพอ กระบวนการเปลี่ยนแปลงยาของผู้สูงอายุจะช้ากว่า จึงดูเหมือนว่า มีการตอบสนองต่อกัญชาได้สูงกว่า และระวังการพลัดตกจากที่สูง จากการที่สาร THC ในกัญชามีผล ทำให้ง่วง เสียการทรงตัว วิงเวียน
- ไม่ควรใช้กัญชาในขณะที่ขับรถหรือทำงานใกล้เครื่องจักร
- ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอด 8.ไม่ควรใช้กัญชาหากไม่มั่นใจคุณภาพ
ที่สำคัญบุคคลทั่วไปที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ไม่ควรใช้กัญชา ใช้เมื่อมีข้อบ่งใช้และล้มเหลวต่อการรักษามาตรฐานเท่านั้น และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
ข้อมูลจาก คอลัมน์ HOT ISSUE นิตยสารชีวจิต ฉบับ 504
บทความน่าสนใจอื่นๆ
อัพเดท 13 โรงพยาบาล คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย
รู้จักไทรอยด์ ตัวปัญหาก่อโรควิตกกังวล นอนไม่หลับ
รวม ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ปีใหม่นี้ ต้องผอม+สตรอง!!
เดินเร็ว ช่วยป้องกันกระดูกเสื่อมได้จริง
ความดันและไขมันในเลือดสูง ปรับเปลี่ยน 3 อ (อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์) ไม่ง้อยา
ติดตามชีวจิตได้ที่
Instagram : Cheewajitmedia
Facebook : นิตยสาชีวจิต