อันตรายจากการกินน้ำตาล ที่ทุกคนต้องรู้
วันนี้อยากมาพูดเรื่อง อันตรายจากการกินน้ำตาล ภัยเงียบทำลายสุขภาพ ที่คน รักรสหวาน ต้องรู้! จากคำกล่าวที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ยังคงเป็นความจริง เพราะแม้น้ำตาลจะให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็มีผลเสียต่อสุขภาพเป็นของแถมมาอีกหลายโรค
น้ำตาล คืออะไร?
น้ำตาล คือสารให้ความหวานที่ผ่านกระบวนการผลิตซึ่งมีคุณสมบัติเป็นน้ำตาลโซโครส โดยในปัจจุบันน้ำตาลมีด้วยกันหลายประเภท เช่น น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายแดง น้ำเชื่อม และกากน้ำตาล เป็นต้น
น้ำตาลจัดเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีเส้นใยอาหาร โดยน้ำตาล 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ซึ่งในหนึ่งวันเราควรกินน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชา เพราะหากกินน้ำตาลมากกว่านั้นอาจจะทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้
ลองดูเหตุผลต่อไปนี้ก่อนกินน้ำตาลคราวต่อไป
7 เหตุผล อันตรายจากการกินน้ำตาล ที่ทุกคนต้องรู้
1.เมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่างๆ ภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล
2.ทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง
3.หากยังคงรับประทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่นๆ เช่น หัวใจ ตับ และไต ดังนั้นอวัยวะเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมันและน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น
4.การรับประทนน้ำตาลมากเกินไปมีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน
5.อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริว เวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวาร ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งงตับ เหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับการรับประทานน้ำตาลมากเกินไป
6.น้ำตาลทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร
7.น้ำตาลนอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้วยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาลในปริมาณที่มากจนเกินไปจะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะและฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่
กินน้ำตาลอย่างไรให้เหมาะสม
1.กินน้ำตาลอย่างพอดี
การกินน้ำตาลไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่อย่างใด แต่ทุกคนควรจะกินน้ำตาลอย่างพอดี เนื่องจากทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ขนม หรือของกินต่างๆ ล้วนแต่มีส่วนผสมของน้ำตาลแทบทั้งสิ้น ดังนั้น ควรเลือกกินอาหารที่มีรสชาติปานกลาง ไม่หวานมากเกินไป อีกทั้งควรคำนวณว่าในแต่ละวันเราสามารถกินน้ำตาลได้วันละไม่ควรเกิน 4 ช้อนชาเท่านั้น จึงจะถือว่าปลอดภัยต่อร่างกายมากที่สุด
2.เลือกกินน้ำตาลทรายแดงแทนน้ำตาลทรายขาว
โดยปกติแล้ว ผู้คนมักจะนิยมกินน้ำตาลทรายขาวเป็นส่วนมาก แต่น้ำตาลขาวนั้นจะผ่านการฟอกด้วยสารเคมีหลายแบบจนอาจจะทำให้สารอาหารต่างๆ หายไป ขณะที่น้ำตาลทรายแดงจะไม่ได้รับการขัดสีออกไปจนหมด ซึ่งสีแดงๆ ของผลึกเม็ดน้ำตาลนั้นบ่งบอกถึงคุณค่าทางสารอาหารที่ยังคงมีอยู่ โดยจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายไปพร้อมๆ กัน
3.หลีกเลี่ยงน้ำตาลฟรุกโตสไซรัป
น้ำตาลชนิดนี้ถือเป็นส่วนประกอบของเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และอาหารแทบทุกชนิด ซึ่งร่างกายไม่สามารถเผาผลาญน้ำตาลชนิดนี้ออกหมดได้ จึงทำให้เกิดน้ำตาลและไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญและรณรงค์เพื่อเลิกใช้น้ำตาลชนิดนี้ผสมลงในอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
4.งดดื่มเครื่องดื่มรสชาติหวาน
สำหรับใครที่ติดดื่มกาแฟ ชาเย็น น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีรสหวาน ควรงดหรือหลีกเลี่ยงให้น้อยลง เนื่องจากเครื่องดื่มจำพวกนี้มีส่วนผสมของน้ำตาลจำนวนมาก ซึ่งหากบริโภคเข้าไปเป็นระยะเวลานานย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายแน่นอน
5.เลือกกินผลไม้ที่มีรสชาติไม่หวานมาก
ผลไม้ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลจำนวนมาก สำหรับใครที่ชื่นชอบกินผลไม้ ควรเลือกผลไม้หวานน้อยจำพวกแอปเปิล ฝรั่ง กล้วย แก้วมังกร หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีใยอาหารซึ่งถือว่ามีประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น
6.กินแป้งอย่างพอดี
แป้ง ไม่เพียงแต่ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเมื่อถูกย่อยแล้ว แป้งจะแปรเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาล ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ แต่หากรับประทานแป้งมากจนเกินไป ในขณะที่ทำกิจกรรมในแต่ละวันน้อย ร่างกายก็ไม่อาจดึงเอาน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้หมด น้ำตาลที่เหลือก็ย่อมกลายเป็นไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ในที่สุด แนะนำให้ทานแป้งอย่างพอดีหรือทานคาร์โบเดรตเชิงซ้อนจากข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต โฮลเกรน หรือขนมปังโฮลวีทแทนจะดีกว่า
รู้อย่างนี้แล้ว ยังอยากจะกินน้ำตาลทรายเยอะๆ กันอยู่อีกหรือ!
ข้อมูลประกอบจาก : นิตยสาร ชีวจิต ปีที่ 6 ฉบับที่ 135
บทความอื่นที่น่าสนใจ
ทำไมกิน “น้ำตาล” มากๆ ก็ทำให้เป็นโรคไตได้ คำอธิบายของ เบาหวานลงไต
” ภาวะติดน้ำตาล ” ตัวการแก่เร็ว เซลล์เสื่อมอายุ
คุณหมอชวนคุย ลูคีเมีย โรคที่ผู้คนทั่วโลกจะป่วยมากขึ้น
เดินเผาผลาญไขมัน >> การลดน้ำหนักสุดคลาสสิกที่ไม่ทำให้อ้วนซ้ำ
ติดตามชีวจิตได้ที่