ต้อลม โรคดวงตาที่ควรระวัง ก่อนลุกลามจนยากจะรักษา
ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมากที่สุดอีกหนึ่งอวัยวะ เราควรดูแลและสังเกตความผิดปกติของดวงตาอยู่เสมอๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่รุนแรงในดวงตา ซึ่งหากพบว่าเริ่มมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อปลอดภัยมากที่สุด
และอีกหนึ่งปัญหาทางสายตาที่คนส่วนใหญ่เป็นกันมากก็คือ “ต้อ “ ซึ่งโรคนี้มีหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาโรคตาส่วนใหญ่เมื่อมาพบแพทย์ จะได้รับการวินิจฉัยว่าตาเป็นต้อ และมักจะตกใจกลัว เพราะเข้าใจว่าโรคต้อจะต้องร้ายแรงทำให้ตาบอดความจริงแล้วโรคต้อมีหลายชนิดบางชนิดอันตรายทำให้ตาบอดได้เช่น ต้อหิน ต้อกระจก แต่บางชนิดไม่มีอันตรายไม่ทำให้ตาบอด เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม โดยต้อเนื้อและต้อลมเป็นโรคตาที่พบได้บ่อยมากแต่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงแบบต้อหิน และต้อกระจก
ซึ่งวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งชนิดของต้อ นั่นก็คือ “ต้อลม ที่อาจไม่รุนแรงมาก แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษา หรือหาทางป้องกันก็อาจส่งผลนำไปสู่อาการที่รุนแรงได้ค่ะ
ทำความรู้จักกันก่อนว่าต้อลมคืออะไร?
ต้อลม (Pinguecula) เป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตาชนิดหนึ่ง เกิดจากการเสื่อมของเยื่อบุตาขาว โดยจะมีก้อนเม็ดเล็ก ๆ สีเหลืองใส นูนอยู่บริเวณตาขาว ซึ่งสามารถขึ้นได้ทั้งหัวตาหรือหางตา หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการเป็นต้อลมคือเนื้องอกในตา หรือเป็นโรคที่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ ซึ่งในความจริงแล้วตุ่มที่นูนขึ้นมานั้นไม่สามารถกลายเป็นเนื้อร้ายหรือแพร่เชื้อได้
โดยส่วนมากเราจะพบโรคต้อลมในคนที่มีอายุค่อนข้างเยอะ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ผู้ที่อายุน้อย หรือ อยู่ในวัยกลางคน เช่น วัยทำงาน ก็มีโอกาสเป็นโรคชนิดนี้ได้เช่นกัน อันเนื่องมาจากการทำงานในสภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นควัน ลม หรือ รับรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสีUV) เป็นเวลานาน ซึ่งปัจจัยข้างต้นจะมีผลกระทบกับดวงตาตรง ๆ ทำให้เสี่ยงเป็นโรคต้อลมได้เช่นกัน
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต้อลม มีสาเหตุหลักๆ ดังนี้
-ดวงตาสัมผัสแสง UV เป็นประจำ โดยปราศจากการป้องกัน
-ดวงตาที่สัมผัสกับฝุ่นควัน ลม สารเคมี มลภาวะ รวมไปถึงความร้อน ก็สามารถสร้างความระคายเคืองให้กับเยื่อบุตาขาวได้
-ผู้ที่มีปัญหาตาแห้งบ่อยๆ เช่น การใช้สายตาหนัก เป็นต้น
อาการของโรคต้อลมเป็นอย่างไร ?
ผู้ที่มีอาการของต้อลม จะปรากฏอาการน้อยหรือมากนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและการใช้ชีวิตของแต่ละคน ซึ่งอาการของต้อลมนั้น มักจะมีการระคายเคืองดวงตาและมีอาการที่ปรากฏชัดเจน ดังนี้
-เกิดตุ่มนูนขนาดเล็กสีเหลือง ๆ บริเวณที่ตาขาว
-มีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในดวงตา เช่น เศษผง เม็ดทราย
-บางรายมีอาการตาแดง คันตา และอักเสบร่วมด้วย
-รู้สึกตาแห้ง และ แสบตา
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดโรคต้อลม
โรคต้อลมเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตาที่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิน ๆ แม้โรคต้อลมจะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงถึงขนาดตาบอด แต่ก็เป็นสาเหตุของโรคดวงตาอื่น ๆ ได้ในอนาคต ซึ่งการป้องกันโรคต้อลม สามารถป้องกันได้ง่ายๆ ดังนี้
-หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ไปกระตุ้นการเกิดโรคต้อลม เช่น ลม แสงแดด ความร้อนจากรังสี UV แต่หากจำเป็นต้องเผชิญกับปัจจัยเหล่านี้ ควรสวมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันดวงตาเมื่ออยู่ท่ามกลางแสง UV เวลานานๆ
-สำหรับคนที่ตาแห้งบ่อย ๆ ควรหยอดน้ำตาเทียมช่วย เพื่อลดอาการตาแห้ง
-สำหรับพนักงานออฟฟิศที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ควรพักสายตาจากคอมพิวเตอร์บ้าง เพื่อป้องการอาการตาแห้ง
การรักษา
ในกรณีที่ไม่มีอาการผิดปกติ อาจไม่จำเป็นต้องให้การรักษา แต่ถ้ามีอาการ เคืองตา ตาแดง อาจให้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการ สำหรับต้อลม ไม่ต้องทำการผ่าตัด แต่สำหรับต้อเนื้อ ถ้าเนื้อเยื่อเข้าไปจนถึงกลางกระจกตาจะทำให้บดบังการมองเห็นได้ หรือเกิดอาการมัวจากการที่ต้อเนื้อดึงกระจกตาดำให้เกิดสายตาเอียง จักษุแพทย์จะพิจารณาผ่าตัดลอกต้อเนื้อออก หรือ ในกรณีที่ตาแดงอักเสบบ่อยๆ สามารถทำผ่าตัดลอกต้อเนื้อเพื่อให้ดูสวยงาม ขึ้น ในปัจจุบันมักผ่าตัดและวางเนื้อเยื่อใหม่ (graft) ซึ่งอาจเป็น เยื่อบุตาขาวของเจ้าตัวเองหรือใช้เยื่อหุ้มรกที่เตรียมพิเศษ เพื่อลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำใหม่
ข้อมูลประกอบจาก: รพ.ศิครินทร์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เบาหวานขึ้นตา อาการแทรกซ้อนที่ต้องเฝ้าระวังให้ดี
เปลือกตาอักเสบ โรคเล็กๆ ที่เรื้อรังจนน่ารำคาญ
ว่าด้วยดวงตา กับการ ติดเชื้อโควิด-19 ดูแลอย่างไรดี