ฮ่องเต้สุขสันต์ เมนูอร่อยนี้ไม่มีวัน "ลืม" เพราะช่วยบำรุงสมอง

ฮ่องเต้สุขสันต์ อร่อยนี้ไม่มีวัน “ลืม” ขอเริ่มเรื่องด้วยคำถามว่า “คุณเคยมีอาการหลงลืมบ่อยๆ พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ หรือไม่ หรือเพิ่งหยิบจับสิ่งของไปวางแล้วจำไม่ได้ว่าวางไว้ที่ไหน จนบางครั้งคนใกล้ชิดมักบอกว่า ก็วางอยู่ตรงนั้นตรงนี้ไงหละ บ้างหรือเปล่าคะ ?” ถ้าเริ่มพบว่ามีอาการดังกล่าวและเป็นอยู่บ่อยๆ ต้องระวังให้ดี เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณเริ่มมีภาวะสมองเสื่อมค่ะ

ในปัจจุบันผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะมีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าสมัยก่อน จากเดิมเคยมีอายุเฉลี่ยอยู่ราว 45 ปี ทว่าปัจจุบันชายไทยมีอายุเฉลี่ยยืนยาวถึง 63 ปี และผู้หญิง 64 ปี เมื่อมีอายุมากขึ้นจะพบว่ามีความจำลดลง หลง ๆลืมๆ หรือบุคลิกภาพและอารมณ์เปลี่ยนไปจากปรกติ บางรายเป็นมากจนจัดว่าเป็นโรค เรียกว่า “ภาวะสมองเสื่อม” ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุมีความพิการ และพึ่งตนเองไม่ได้

สาเหตุของโรคสมองเสื่อม

1.สมองเสื่อมจากวัยชรา มักพบในผู้สูงวัย ตั้งแต่ 65-70 ปีขึ้นไป

2.โรคอัลไซเมอร์ เป็นภาวะสมองเสื่อม ที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร คือ อายุไม่เกิน 65 ปี การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อสมอง เราจะพบพยาธิสภาพของเซลล์สมองเสื่อมลงเหมือนคนอายุ 70-80 ปี

3.โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ มักเกิดจากหลอดเลือดเส้นเล็กๆ ทั่วไปอุดตันซ้ำๆ มานาน ทำให้เซลล์สมองตาย และการทำงานของสมองโดยรวมเสื่อมลง

4.ภาวะเลือดคั่งในสมองหรือเนื้องอกในสมอง

5.ภาวะขาดวิตามินบี 12

6.โรคติดเชื้อที่มีผลทางสมอง เช่น ซิฟิลิส ไวรัสสมองอักเสบ ไวรัสเอดส์ ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้

7.ติดสุราเรื้อรัง

8.ภาวะที่เกิดตามหลังการขาดออกซิเจน เช่น มีอาการชักซ้ำติดต่อกัน หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นเวลานาน

เช็คลิสต์ อาการที่บ่งบอกว่าคุณมีภาวะสมองเสื่อม

เล่าเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก และจำไม่ได้ว่าเคยเล่าให้คนนั้นฟังแล้ว
หาของใช้ในบ้านไม่พบ ทั้งที่มีที่เก็บประจำ
ลืมสิ่งที่เคยเรียนรู้ ความสามารถที่ทำได้ในช่วงหลังๆ และปฏิเสธว่าไม่เคยทำ ไม่รู้เรื่อง
ขาดไหวพริบ แก้ปัญหาไม่ได้ทั้งที่เป็นเรื่องไม่ยากนัก หรือเลือกใช้วิธีที่ไม่ดีนักในการแก้ปัญหา
ไม่รู้วิธีการทำงานที่เคยทำเดิมๆ เช่น ซักผ้าโดยไม่ใส่ผงซักฟอก
ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ชอบนั่งเฉยๆ แยกตัวจากสังคม และครอบครัว
อารมณ์แปรปรวนโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
ไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นหรือสถานการณ์ ยึดอารมณ์ตัวเองเป็นหลักไม่สนใจใคร
เสียความจำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นาน

หากคุณมีอาการที่ระบุไว้ 2 ข้อขึ้นไป แสดงว่าสมองของคุณเริ่มมีภาวะเสื่อมแล้วค่ะ

วิธีป้องกันโรคสมองเสื่อมนั้น ทำได้หลายทาง เริ่มตั้งแต่การฝึกบริหารสมอง เช่น ฝึกการทำงานของนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือฝึกการคำนวณตัวเลขโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลข หรือเล่นดนตรี เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องพักผ่อนนอนหลับเป็นเวลา ในช่วงกลางวันอาจหาโอกาสได้หลับในช่วงเวลาสั้นๆ บ้าง ถ้ามีอาการง่วงนอน ไม่ควรดื่มชาหรือกาแฟ โดยเฉพาะในช่วงใกล้อาหารค่ำ หรือผ่อนคลายความเครียดโดยการร้องเพลง ตลอดจนการฝึกสมาธิ ร่วมกับการออกกำลังกายที่เหมาะสม เล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดหรือใช้สมอง เช่น ต่อภาพจิ๊กซอว์ เล่นหมากรุกหรือหมากฮอส วาดภาพหรือประดิษฐ์สิ่งของ ฝึกโยคะ ไทเก๊ก ฤาษีดัดตน การเดินเร็ว ฯลฯ

กิจกรรมที่ดิฉันกล่าวไว้ข้างต้น จะช่วยฝึกการทำงานของสมองในส่วนปลายประสาท ให้สามารถทำงานได้ปกติในการรับความรู้สึกต่างๆ เช่น ความร้อน ความเย็น เป็นการฝึกการทำงานของประสาทสัมผัสและฝึกการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัส

นอกจากวิธีบริหารสมองแล้ว การเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันภาวะของสมองเสื่อมได้ โดยควรเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี อาทิ สัตว์เนื้อแดงไม่ติดมัน ปลา ไข่ นม นมไขมันต่ำ ข้าวกล้อง ข้าวโพด ผักใบเขียวเข้ม เช่น ตำลึง ผักโขม ปวยเล้ง คะน้า กวางตุ้ง อาหารดังกล่าวยังประกอบด้วยโคลีนซึ่งช่วยป้องกันสมองเสื่อม ถ้ารับประทาน ไข่แดง ถั่วเหลือง จมูกข้าว ข้าวสาลี ข้าวกล้องก็จะทำให้ได้รับวิตามินอีและเลซิ-ติน ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ป้องกันสมองเสื่อม ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท ป้องกันอาการหลงลืม และภาวะจิตใจหดหู่เศร้าหมองได้อีกด้วย

กล่าวถึงตรงนี้คิดว่าคุณผู้อ่านทุกท่านคงได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคดังกล่าวกันอย่างเพียงพอแล้ว แต่เพื่อมั่นใจว่าจะสามารถช่วยป้องกันคลังความจำของคุณให้เก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ ดิฉันจึงมอบสูตรอาหารป้องกันโรคสมองเสื่อมไว้ให้ทุกท่านลองนำไปปรุงรับประทานกัน เชื่อแน่ว่า ถ้าปฏิบัติตามที่ดิฉันได้แนะนำไว้ ควบคู่ไปกับการรับประทานเมนูดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ อาการหลง ๆ ลืม ๆ ของคุณต้องทุเลาลงอย่างแน่นอนค่ะ

สูตร ฮ่องเต้สุขสันต์

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เตรียม 20 นาที ปรุง 20 นาที

เนื้อหมูส่วนสันคอสับหรือบด 100 กรัม
กุ้งทะเลแกะเอาแต่เนื้อสับ 6 ตัว
โสมเอี่ยเซียมแช่น้ำร้อนจนนิ่ม 8 แผ่น
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
ผักปวยเล้งหั่นเป็นท่อนขนาด 1 ซม. 2 ต้น
แครอตหั่นเป็นดอก 6 ชิ้น
เห็ดหอมแห้งแช่น้ำจนนิ่มหั่นฝอย 3 ดอก
ลูกเดือยต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้ขาวอย่างนิ่มหั่นเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงาสำหรับผัด 2 ช้อนชา
น้ำซุปกระดูกหมู 1 1/2 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
เกลือ ½ ช้อนชา
พริกไทยเล็กน้อย น้ำเปล่าสำหรับลายแป้งข้าวโพดเล็กน้อย

วิธีทำ

1.สับหมูร่วมกับโสมที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วคลุกรวมกับกุ้งสับ เติมเกลือพริกไทย น้ำมันงา 1ช้อนชา แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมพักไว้ แป้งข้าวโพดที่เหลือละลายน้ำเตรียมไว้

2.ใส่น้ำมันงาที่เหลือลงในกระทะตั้งไฟพอร้อน ใส่เห็ดหอมลงผัดตามด้วย ลูกเดือย แครอต ใส่หมูปั้นก้อนลงไปแล้วใส่น้ำซุปกระดูก ผัดเคล้าเบา ๆ จนก้อนหมูสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย น้ำตาล ชิมให้มีรสเค็มอ่อน ขมและหวานเล็กน้อยหอมพริกไทย จึงใส่ผักปวยเล้ง ตามด้วยน้ำละลายแป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำไว้ ผัดให้น้ำผัดข้นขึ้นและใสดี ปิดไฟ ตักใส่จาน ควรรับประทานในขณะร้อน สมารถรับประทานแทนอาหารในหนึ่งมื้อได้เลย

โสมเอี่ยเซียม แพทย์แผนจีนมักใช้เป็นยาที่ช่วยบำรุงสมองช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า กระตุ้นการทำงานของสมองช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง หากรู้สึกอ่อนเพลียอาจชงน้ำดื่มและเคี้ยวชิ้นโสมตาม 1- 2 แผ่นก็เพียงพอ แต่ไม่ควรรับประทานมากเพราะอาจทำให้นอนไม่หลับ

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 464.69 กิโลแคลอรี
โปรตีน 35.29 กรัม ไขมัน 16.34 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 44.19 กรัม ไฟเบอร์5.95 กรัม

เรื่องและสูตร : อาจารย์วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทยประยุกต์
เรียบเรียง : สิทธิโชค ศรีโช ภาพ : อัศวิน นรินท์ชัยรังษี สไตล์ : พิมฝัน ใจสงเคราะห์

#Acuisine #เอควิซีน
อยากกิน อยากฟิน อยากทำ อย่าลืมติดตาม A Cuisine (เอควิซีน)
📌Website: https://cheewajit.com/healthy-food
📌Messenger : http://m.me/AcuisineTH
📌Instagram : www.instagram.com/acuisine.th/