เราคงได้ยินคำว่า “คอลลาเจน” กันมาอย่างมากมาย แต่เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังสงสัยว่าแท้จริงแล้ว คอลลาเจนมันคืออะไร แล้วมันสามารถช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง และความจริงแล้วคอลลาเจนที่เราเห็นๆ กันอยู่ทุกวันนี้มันมีกี่ชนิดกันแน่ ?
ความจริงแล้วคอลลาเจน คือเส้นใยโปรตีน ทำหน้าที่ยึดส่วนต่างๆ ในร่างกายเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูกอ่อน ข้อต่อ และเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้เอง แต่เมื่อไรเราอายุเพิ่มมากขึ้น หรืออายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนในส่วนต่างๆของร่างกายจะลดปริมาณลง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเสริมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง
และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก คือ การเลือกประเภทของคอลลาเจนให้เหมาะกับตัวเอง และเรื่องที่ต้องการจะเน้น โดยจะแบ่งเป็น
- คอลลาเจนประเภทที่ 1 (type I) : ช่วยในรื่องของการสร้างกระดูก ผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื้อในร่างกาย เพื่อช่วยให้ผิวสวย ไม่มีริ้วรอย
- คอลลาเจนประเภทที่ 2 (type II) : จะช่วยสร้างกระดูกอ่อน และซ่อมแซ่มส่วนที่ลึกหรอบริเวณข้อต่อได้เป็นอย่างดี ทำให้คนที่ชอบปวดข้อ ปวดเข่า เข่าเสื่อมมีอาการที่ดีขึ้น
นอกจากนี้การเลือกคอลลาเจนที่ดีก็ยังมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์มากขึ้นไปอีก จากงานวิจัยค้นพบว่า ถ้าเรานำโปรตีนของคอลลาเจนมาผ่านขั้นตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่าง “ไฮโดรไลเซต คอลลาเจน” เพื่อให้มีขนาดและความยาวสั้นลง เช่น สูตร Fortigel ที่ผ่านการวิจัยทางการแพทย์ ว่าสามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคข้อเสื่อมได้ จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น และสามารถนำประโยชน์และดึงเอาสารอาหารสำคัญออกไปใช้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเติมเต็มความแข็งแรงให้ข้อกระดูกต่างๆ และยังช่วยเสริมน้ำเลี้ยงข้อ ดังนั้นก่อนจะเลือกคอลลาเจนควรใส่ใจและเลือกให้ดีก่อนเพื่อความปลอดภัย
อย่างที่บอกไปว่าคอลลาเจนสูตร Fortigel สามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคข้อเสื่อมได้ อาจทำให้หลายคนละเลยและคิดว่า ค่อยเสริมคอลลาเจนตอนอายุมาก ซึ่งความจริงแล้วปัญหาข้อเข่าเสื่อมไม่ได้เกิดขึ้นในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ที่นั่งทำงานนานเกินไปและนั่งผิดท่า การใส่รองเท้าส้นสูง การยกของที่หนักเกินไป การออกกำลังกายที่มีการกระแทกข้อบ่อยๆ หรือมีการใช้ข้อบางข้ออยู่เป็นประจำในบางอาชีพ เช่น ช่างซ่อมต่างๆ ครู นางพยาบาล หรือทันตแพทย์และอีกหลายพฤติกรรมที่เป็นความเสี่ยงกับข้อกระดูก ซึ่งมาประกอบกับอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ร่างกายมีการสร้างกระดูกอ่อนที่ลดลง บวกกับพฤติกรรมของเรายิ่งส่งเสริมให้เกิดโรคข้อเสื่อมมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นความเข้าใจที่ว่า เราจะค่อยมาดูแลข้อเข่า ข้อต่อ ตอนอายุมากถือเป็นความเข้าใจผิด เราควรเริ่มหันมาดูแลตัวเอง โดยการปรับพฤติกรรม หรือกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อข้อเข่าให้น้อยที่สุด และถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้การเสริมด้วยโปรตีนที่ช่วยเรื่องข้อกระดูก ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ที่ตอบโจทย์คนยุคนี้เช่นกัน
ใครอยากเริ่มต้นดูแลตัวเอง ดูแลข้อเข่า ให้กับคนรอบข้าง แต่ไม่รู้จะเลือกยังไงดี ตามมาดู 5 ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่ชีวจิตนำมาฝากกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยในการตัดสินใจ
MEGA We care Flexigen
สรรพคุณ : ช่วยกระตุ้นเซลล์กระดูกอ่อน ให้สร้างคอลลาเจนชนิด Type II บริเวณข้อกระดูกเพิ่มขึ้น และเพิ่มระดับของกรดไฮยาลูโรนิค ที่เป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงข้อ ซึ่งเป็นสูตรคอลลาเจนทางการแพทย์ Fortigel (ไฮโดรไลเซต คอลลาเจน) ที่มีผลการวิจัยทางการแพทย์ว่ามีส่วนช่วยเสริมคอลลาเจนในข้อกระดูกอ่อน และยังเพิ่มน้ำเลี้ยงข้อ มีส่วนช่วยลดอาการปวด เพิ่มการเคลื่อนไหวที่ดีให้กับข้อของเรา และช่วยป้องกันและรักษาโรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบ ข้อยึดติดในตอนตื่นนอนได้ สำหรับผู้สูงอายุ ผู้มีความเสี่ยงข้อเสื่อม เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้ที่ชอบออกกำลังกาย หรือ มีพฤติกรรมเสี่ยงข้อเสื่อม
วิธีการกิน : 1 ซอง ชงละลายน้ำ 1 แก้ว (250 มิลลิลิตร) วันละ 1 ครั้ง
15 ซอง ราคา 550 บาท
Vistra collagen type ii
สรรพคุณ : เป็นคอลลาเจนชนิด Type 2 เป็นชนิดเดียวกันกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่มีค่า BMI มากกว่า 23 หรือคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี เพื่อช่วยดูแลข้อต่อของเราไม่ให้เสื่อมสภาพมากเกินไป
วิธีกิน : ครั้งละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร
1 กระปุก ราคา 600 บาท
Kal G collagen
สรรพคุณ : โปรตีนบำรุงข้อกระดูก มีส่วนประกอบของคอลลาเจน ไฮโดรไลเซท ช่วยบำรุงข้อกระดูก แถมยังมาในรูปแบบผงชงดื่ม มีรสผลไม้ทำให้กินง่ายขึ้น แนะนำว่าควรชงในน้ำอุณหภูมิปกติ หรือน้ำเย็น ไม่ควรชงในน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนจนเกินไป
วิธีกิน : 2 ช้อน / น้ำ 1 แก้ว หลังอาหารเช้า – เย็น
1 กระป๋อง ราคา 580 บาท
Amsel collagen type 2
สรรพคุณ : คอลลาเจนชนิดที่ 2 ช่วยเสริมความแข็งแรงของเซลล์กระดูกอ่อน และยังมีสารสกัดจากขมิ้นชันที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบ บวมแดง และมีวิตามินซี วิตามินอี เป็นส่วนประกอบร่วมด้วย ทำให้เน้นเรื่องการปวด การอักเสบได้ดีขึ้นกว่าเดิม
วิธีกิน : ครั้งละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร
30 แคปซูล ราคา 800 บาท
Zeavita activ 70x collagen
สรรพคุณ : คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% ที่มีมากขึ้นกว่าเดิม 70 เท่า และเป็นคอลลาเจนที่มีวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่น มีส่วนประกอบของวิตามินซี วิตามินบี3 ที่มีส่วนช่วยให้ผิวหนังทำงานได้ตามปกติ และช่วยคงสภาพของผิวหนัง ดูแลลำไส้ ดูแลผิว
วิธีกิน : ครั้งละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร
1 กล่อง ราคา 900 บาท
รู้สรรพคุณของคอลลาเจนแต่ละยี่ห้อไปแล้ว หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการเลือกซื้อคอลลาเจนนะคะ และอย่าลืมว่าถ้าใครเริ่มจะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ หรือเริ่มมีอาการปวดข้อเข่า ควรเลือกซื้อคอลลาเจนสูตรทางการแพทย์ Fortigel ที่มีสามารถช่วยบรรเทาและรักษาโรคข้อเสื่อมได้ค่ะ