ชีวิตดี สุขภาพดี โลกดี มีความสุขยั่งยืน ด้วย เทคโนโลยีจุลินทรีย์ กับ SAS
จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรก ๆ ที่ถือกำเนิด บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้เมื่อกว่า 3,500 ล้านปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าจุลินทรีย์ช่วยสร้างโลก และชีวิตมนุษย์ให้อยู่ยั่งยืนมาถึงปัจจุบันและสืบต่อไปในอนาคต แม้ว่าวันนี้เราจะมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ แต่ นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบจุลินทรีย์ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์จาก สายพันธุ์ทั้งหมดในโลกใบนี้ จึงเป็นเรื่องท้าทายความสามารถ ของมนุษยชาติที่จะไขความลับของจุลินทรีย์ที่เป็นฟันเฟือง สําคัญต่อการคงอยู่ของโลกใบนี้และทุกๆ สรรพชีวิต
แอดจะพามารู้จักกับ บริษัท สยาม อะกริ ซัพพลาย จำกัด หรือ SAS ผู้บุกเบิก เทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์ ในเมืองไทย ซึ่งมีวิสัยทัศน์เปี่ยมคุณค่าว่า “ส่งมอบการดูแลสุขภาพดีอย่างยั่งยืนให้แก่สิ่งที่เรารัก ผ่านนวัตกรรมและองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพสาขาจุลินทรีย์”
นอกจากนี้ SAS ยังมีค่านิยมองค์กร (Core Value) ที่น่าประทับใจผ่านชุดคํา “CRAFT” ได้แก่ C (Caring) ห่วงใยทุกคนและใส่ใจคุณภาพชีวิต R (Resourceful) เป็นนักคิดค้น พัฒนา และมองหา การใช้ชีวิตที่ดี A (Ambitious) มุ่งมั่นสู่สิ่งที่ดีกว่า F (Full Spirit) เปี่ยมด้วยพลังและจิตวิญญาณแห่งความ พยายาม T (Together) เชื่อมั่นและสนับสนุนการทำงาน ร่วมกันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด
Smart CEO…ไอเดียสุดล้ำ นำเทรนด์สุขภาพสไตล์ผู้บริหาร SAS
กว่าองค์กรจะประสบความสำเร็จทั้งชื่อเสียงและความมั่นคงได้นั้น ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมซึ่งแน่นอนว่า ต้องผ่านการตกผลึกจากผู้บริหารที่เป็นหัวหน้าทัพนำทีมคนในองค์กร เช่นเดียวกับ SAS ที่มีแม่ทัพหน้าซึ่งมีแนวคิดการบริหารงาน คน องค์กร ที่เฉียบคม จนแอดอยากจะแชร์ให้ทุกคนได้รับทราบ
นักคิดค้น นักพัฒนา…ผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อทุกคน
คุณเต้ย – นิธินันท์ ลีลาพรรณวุฒิ Chief Executive Officer (CEO) บริษัทสยาม อะกริ ซัพพลาย จํากัด หรือ SAS กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของ SAS เป็นบริษัทที่เติบโตมาจากการเป็นผู้ผลิตและ จัดจําหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรระหว่างองค์กรตั้งแต่ปี 2554 ภายใต้มาตรฐานระบบ GMP และ HACCP จากนั้นเริ่มนํา เทคโนโลยีจุลินทรีย์ มาเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์เกษตรดั้งเดิม ของบริษัทผ่านการทุ่มเทงานวิจัย โดยเริ่มต้นจาก จุลินทรีย์เพื่อสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ด้วย แรงบันดาลใจที่อยากนําองค์ความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์ มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทั้งคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม
คุณเต้ยเล่าถึงหนึ่งในเส้นทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ท้าทายความสามารถว่า “SAS เริ่มจากผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ ผมต้องการให้อาหารสัตว์ของเรามีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ และด้วย ดร.วิเชียร ยงมานิตชัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของบริษัท ต้องการทดสอบประสิทธิภาพของเชื้อจุลินทรีย์ที่ช่วยด้านปศุสัตว์และน้ำ ประกอบกับผู้จัดการโรงงานชอบเลี้ยงกุ้ง ผมเลยทดลองทําบ่อสาธิตเลี้ยงกุ้งด้วยวิธีชีวภาพ ปลอด สารเคมีตลอดกระบวนการเลี้ยง โดยผสมหัวเชื้อจุลินทรีย์ ในอาหารกุ้ง และปล่อยจุลินทรีย์ช่วยบำบัดน้ำเสียใน บ่อกุ้ง ปรากฏว่าผลผลิตดีมาก กุ้งตัวใหญ่ น้ำหนักดี ผลผลิตต่อฟาร์มสูง เป็นบ่อสาธิตบ่อแรกที่ทำในประเทศไทย ซึ่งมีคนมาดูงานกันเยอะมาก”
ในฐานะซีอีโอที่ต้องพัฒนาหานวัตกรรมเพื่อต่อยอด ธุรกิจใหม่ๆ สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้การเลี้ยงกุ้งปลอดสารเคมีนั้นมาจากการใส่ใจสุขภาพคนรอบตัว
“ผมพบว่าคนแพ้กุ้งเยอะมาก บางคนกินแล้วปากบวม ส่วนตัวมองว่าอาการแพ้น่าจะมีสาเหตุบางอย่างซ่อนอยู่ที่ต้นทาง กลางทาง หรือปลายทางการผลิต เช่น มีสารเคมีปนเปื้อน คุณพ่อผมซึ่งป่วยเป็นโรคไต ก่อนหน้านี้กินอาหารทะเลได้ แต่ระยะหลังกินไม่ได้ แพ้หมด นอกจากอายุมากขึ้นแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากสารเคมีที่ปนเปื้อนมา”
จากการมองเห็นถึงปัญหาคุณเต้ยจึงเริ่มทดลองทำบ่อสาธิตเลี้ยงกุ้งด้วยวิธีชีวภาพ ปลอดสารเคมีในทุกกระบวนการ ผสมหัวเชื้อในจุลินทรีย์ในอาหารกุ้ง ใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสียในบ่อกุ้ง จนได้ผลผลิตที่พอใจ กุ้งตัวใหญ่ ให้ผลผลิตต่อฟาร์มสูง
“ดังนั้นเมื่อผลิตกุ้งที่ปลอดภัยได้ ผม ลูกๆของผมและน้อง ๆในบริษัททดลองกิน ก็ไม่พบอาการแพ้ ผมส่งให้คุณพ่อกินก็ไม่พบอาการแพ้ รวมถึงคนอื่นอื่นๆ ที่เคยแพ้กุ้งกินก็ไม่พบอาการแพ้ใด ๆ ทำให้เราเชื่อมั่นว่าวิธีเลี้ยงกุ้งด้วยวิธีชีวภาพโดยใช้จุลินทรีย์ที่บริษัทผลิตนั้นดีต่อการผลิตอาหารปลอดภัยจริงๆ”
แคร์ (โรค) โลก แคร์เรา ดูแลด้วยจุลินทรีย์
คุณนัท – กฤษดา จันทร์เจือมาศ Chief Marketing Officer (CMO) บริษัทสยาม อะกริ ซัพพลาย จํากัด หรือ SAS เล่าถึงที่มาของเป้าหมายสำคัญของ SAS ว่าความหลงใหลและศึกษาองค์ความรู้ของจุลินทรีย์อย่างลุ่มลึกของทีมงานทําให้เกิดการต่อยอด ผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์ที่หลากหลายและได้คุณภาพมาตรฐาน ยิ่งขึ้น ซึ่งนําไปสู่เรื่องของ “สุขภาพ”
“จากที่เราผลิตเชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม ต่อยอดเป็นโพรไบโอติกสําหรับสัตว์เศรษฐกิจและสัตว์เลี้ยง จุดนี้ ทีมงานมองว่ามันคือคุณค่าใหม่ คือความสุขและเป็นความยั่งยืนจริงๆ ขณะเดียวกันระหว่างนั้นเรากําลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทิศทางของบริษัท เรารับรู้ว่าจุลินทรีย์มีผลต่อสุขภาพ เราเริ่มเข้าใจโพรไบโอติก ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิต มนุษย์ โดยเฉพาะสุขภาพ
“ขณะเดียวกันตัวผมเองก็มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับลําไส้ รวมถึงทีมงานบางคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็พบปัญหาสุขภาพเช่นกัน อาจารย์วิเชียรท่านอธิบายว่า โพรไบโอติก ที่เราผลิตอยู่เป็นสายพันธุ์เดียวกับที่แพทย์สั่งให้ผมกินอยู่ ผมจึงถามอาจารย์วิเชียรว่า เราสามารถผลิตได้ไหม ท่านบอกว่า เราสามารถทําได้ ซึ่งทําให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์
“โพรไบโอติกที่ต้องผ่านกระบวนการพัฒนามาตรฐานการผลิตกว่า 2 ปี จึงสามารถขึ้นทะเบียนอย.ได้ หลังจากนั้น บริษัทก็ทํางานร่วมกับองค์กรภาครัฐหลายหน่วยงาน เช่น สํานักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทีมนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์และศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทาง วิจัยด้านโพรไบโอติก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อ ต่อยอดผลิตภัณฑ์”
มุ่งมั่นสู่สิ่งที่ดีกว่า… เพื่อครอบครัวเรา เพื่อครอบครัวโลก
“ผมมองว่าปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์อยู่ใน เมกาเทรนด์ มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง องค์ความรู้นี้ กําลังพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ แม้แต่การใช้เอไอ (AI) ในการศึกษาเพื่อให้เราเข้าใจเรื่องที่ยากและซับซ้อนได้ง่ายขึ้นสามารถนําข้อมูลมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
“เช่นเดียวกับเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์ที่ SAS กําลัง พัฒนาอยู่จะทําให้เราสามารถเปิดเผยความรู้ในเชิงกว้างและ ลึกของจุลินทรีย์ และสามารถถ่ายทอดออกไปในแง่มุมต่างๆ สอดคล้องไปกับสังคมที่คนใส่ใจสุขภาพ ทุกเรื่องอยู่บน พื้นฐานของเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีน การดูแลสุขภาพ หรืออาหารการกิน เช่น โพรไบโอติก พรีไบโอติก สะท้อนว่าเราไม่ได้กินอาหารเพื่อดูแลตัวเราเอง เท่านั้น แต่เรากินอาหารเพื่อดูแลจุลินทรีย์ในร่างกายด้วย
“สังคมอนาคตคนอายุยืนขึ้นและมีลูกน้อยลง เรามี สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน สุนัขกลายเป็นเพื่อนเยียวยาจิตใจ รวมถึง พื้นที่การเพาะปลูกน้อยลง เทรนด์การกินวีแกนกําลังมา ซึ่งสามารถทําอาหารจากพืชให้มีรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์ หรือ ในยุคต่อ ๆ ไปมนุษย์อาจจะกินแต่อาหารเหลวเพื่อการดํารงชีวิต ซึ่งทุกเรื่องสัมพันธ์กับเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์
“ทีมงานคนหนึ่งบอกว่า จริงๆ ที่ผมทุ่มเททำงานในวันนี้ ผมไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเอง แต่ผมทำงานเพื่อแม่ เพื่อครอบครัว ซึ่งทีมงานกว่า 30 คนในวันนั้นเห็นตรงกัน พวกเราย้อนกลับมาคิดว่า การที่เราต้องดูแลสุขภาพไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เรามีเป้าหมายทำเพื่อใคร บางคนที่เรารัก ทำให้ความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้น
“จากคำพูดของพนักงานในวันนั้นกลายมาเป็นวิสัยทัศน์ ของบริษัทในวันนี้ เราเปลี่ยนผ่านการทำงานที่ตอบโจทย์ด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างเดียว มาเป็นเราได้ทำงานเพื่อคนอื่น สร้างความสุขจากข้างใน และงานที่ทำนั้นยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้เรื่อยๆ เพราะเป็นเทรนด์สุขภาพของโลกในอนาคต นั่นคือเทรนด์ของเทคโนโลยีชีวภาพ จุลินทรีย์ที่จะช่วยดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน และกลายเป็นวิสัยทัศน์ในปัจจุบันของ SAS
“ดังนั้น ผมว่าทิศทางการทำงานของ SAS คือ การรักษาแพสชั่น (Passion) ความฝันที่ต้องการทำงานเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเรา หล่อเลี้ยงผู้บริโภคและโลกใบนี้ ทุกสิ่งเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นทิศทางของ SAS ที่กำลังทำอยู่และจะก้าวไปในอนาคต”
มองเห็น “ธรรมชาติ” มองเห็น “คุณค่า” มองเห็น “ชีวิต”
เพราะเชื่อมั่นว่าจุลินทรีย์คือส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นพลังธรรมชาติที่จะเกื้อหนุนมนุษย์และโลกใบนี้ คุณกิตติพัฒน์ เอื้ออารีมิตร หรือ คุณโน๊ต Chief Operating Officer (COO) บริษัทสยาม อะกริ ซัพพลาย จํากัด หรือ SAS กล่าวไว้ว่า
“ปัจจุบันเราอยู่ในสังคมเมืองที่แวดล้อมด้วย ธรรมชาติน้อยมาก ในวัยเด็กผมยังมีโอกาสเห็นควายไถนา สามารถว่ายน้ำในลําคลองได้ แต่เด็กๆ สมัยนี้ โดยเฉพาะรุ่นลูกของผม ธรรมชาติเหล่านี้ห่างไกล ตัวเขาไปเรื่อย ๆ น้ำในแม่น้ำลําคลองเน่าเสีย ไม่มีใครกล้าลงไปว่าย เด็กๆ ไม่รู้จักการปลูกผัก ทำนา เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ รู้เพียงแต่ว่าเป็นอาหารสําเร็จอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว
“โลกหมุนเร็ว เหมือนกับว่าชีวิตวิ่งวนอยู่กับความวุ่นวายตลอดเวลา การพาชีวิตเข้ามาอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั้นดีต่อชีวิตหลายอย่าง มีงานวิจัยตีพิมพ์ออกมามากมายว่า ธรรมชาติสามารถบำบัดอาการป่วยต่างๆ เราสามารถใช้เสียง สี กลิ่นธรรมชาติดูแลตัวเองได้ บางคนเมื่อป่วยกาย ป่วยใจจึงเลือกไปอยู่กับธรรมชาติเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
“ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าจุลินทรีย์ที่ SAS กำลังพัฒนาอยู่จะช่วยสร้างสมดุลห่วงโชอาหารหรือห่วงโซ่ธรรมชาติที่เสียสมดุลให้กลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นการชุบชีวิตดินให้กลับมา หรือฟื้นฟูสุขภาพลำไส้ให้จุลินทรีย์ดีกลับมาสมดุล ถ้าลำไส้แข็งแรง ระบบ ดูดชึมสารอาหารทำงานดี สุขภาพเราก็จะแข็งแรงไปด้วย หรือถ้าการทำเกษตรไม่ต้องเกิดการเผา แต่ใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายตอชังช้าว จะช่วยลดฝุ่น PM2.5 เราจะมีอากาศบริสุทธิ์ที่เป็นธรรมชาติเพื่อการหายใจ
“ในฐานะคนทำงานในองค์กร SAS ผมมองว่าเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์ที่เรากำลังทำอยู่จะช่วยให้คนไทยได้กินของที่สด สะอาด ปราศจากเคมี อย่างน้อยๆ สิ่งที่เราทำในวันนี้จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีในกระบวนการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ สิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ เป็นความภูมิใจไนฐานะคนทำงานคนคนหนึ่งที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงไห้เกิดขึ้นกับโลกใบนี้”
อ่านเส้นทางการค้นคว้า โดยนักวิจัยระดับโลกในหน้าถัดไป