ทางบ้านเล่าประสบการณ์ รักษาโรคเบาหวาน ด้วยการกินชีวจิต
เรื่องราวที่จะนำมาเล่าในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งในคอลัมน์เรื่องเศษ ลงนิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 385 รวมเรื่องราวประสบการณ์จากทางบ้านที่นำองค์ความรู้ชีวจิตไปปรับใช้ควบคู่กับการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อรักษาโรคที่เกิดจากพฤติกรรมต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดัน มะเร็ง เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณภรรยาที่ต้องดูแลคุณสามี ที่กำลัง รักษาโรคเบาหวาน ผ่านเรื่องอาหารการกิน โดยใช้ชีวจิตเข้าช่วยค่ะ
เยียวยาเบาหวานด้วยชีวจิต
ประสบการณ์ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความรักความผูกพันในครอบครัวของ คุณแววตา โสภณพงษ์ อายุ65 ปี ที่มีสามีป่วยเป็นโรคเบาหวาน
เมื่อลูกสาวไปทำงานไกลบ้าน หน้าที่ดูแลสามีจึงตกเป็นของเธอ
“รู้จัก ชีวจิต เพราะเคยไปทำผมในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง สังเกตว่าช่างทำผมผิวพรรณดีหุ่นดีสวยจนต้องเอ่ยปากชม พอถามถึงเคล็ดลับเขาก็ยื่นนิตยสารชีวจิต ให้ดู แล้วบอกว่าเขาใช้ชีวิตตามหลักชีวจิต
“ดิฉันจึงสนใจ ยืมกลับมาอ่านที่บ้าน จากนั้นก็ชื่นชอบเนื้อหาและติดตามเรื่อยมา จนลูกสาวที่ไปทำงานต่างประเทศสมัครสมาชิกให้เพราะเห็นว่าคุณพ่อป่วยเป็นเบาหวาน อยากให้ดิฉันนำความรู้มาใช้ดูแลคุณพ่อของเขา”
หลังจากรับนิตยสารชีวจิตเป็นประจำ คุณแววตาไม่รอช้าที่จะนำข้อมูลดีๆมาใช้ดูแลสามี เธอเริ่มจากการปรับอาหาร โดยการศึกษาเมนูสุขภาพจากคอลัมน์ครัวชีวจิต แล้วทำให้สามีกิน
เริ่มแรกคุณแววตาต้องปรับเปลี่ยนอาหารของสามีด้วยวิธีละมุนละม่อมที่สุด เพราะเขาเป็นคนดื้อ ชอบกินอาหารรสจัด และกินขนมหวานเป็นประจำ
ปรับมื้ออาหารเป็นมื้อเพื่อสุขภาพ
คุณแววตาให้สามีกินข้าวกล้องแทนข้าวขัดขาว กินผัก ธัญพืช และเนื้อปลา โดยมีตัวอย่างดังนี้
มื้อเช้า
ข้าวต้มข้าวกล้องใส่เนื้อปลา เพราะข้าวกล้องสวยธรรมดาสำหรับคนไม่เคยกินจะกินยาก วิธีนี้จึงช่วยให้สามีกินได้ง่ายขึ้น
มื้อกลางวัน
ปลานึ่งหรือลวก แล้วนำมายำ ปรุงรสไม่จัด ใช้ได้ทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเลตามที่หาซื้อได้
มื้อเย็น
น้ำพริกกินคู่กับผักลวก เนื่องจากสามีไม่กินผักสด จึงมักลวกผักให้กิน ซึ่งช่วยให้สามีกินง่ายขึ้น หากทำแกงกะทิ คุณแววตาจะใช้น้ำเต้าหู้แทนกะทิ
ของว่าง
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลแบบไม่หวาน หรือน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล
คุณแววตาค่อยๆปรับเปลี่ยนอาหารจนสามีเคยชินและสามารถกินอาหารชีวจิตได้เป็นปกติ โดยไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือฝืนใจที่จะกิน
“เราพยายามเกลี้ยกล่อมให้กิน จากตอนแรกก็ไม่ชอบไม่ยอมกิน พอเราขอร้อง แล้วนำข้อมูลจากนิตยสารไปอ้างอิงให้เขาเชื่อ เขาจึงเริ่มกินได้”
นับว่าคุณแววตาเป็นภรรยาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดี ทั้งยังมีความตั้งใจจริงที่จะดูแลสามีให้กลับมาแข็งแรงและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากทำภารกิจปรับพฤติกรรมการกินอยู่ของสามีสำเร็จ เธอได้เล่าถึงผลดีที่ตามมาอย่างภาคภูมิใจว่า
ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
“พอไปหาหมออีกครั้ง คุณหมอเอ่ยปากชมและบอกว่าระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดลดลง ยาควบคุมความดันโลหิตและเบาหวานที่จ่ายให้ ปกติจะต้องเพิ่มปริมาณขึ้นในแต่ละครั้งแต่ครั้งนี้กลับลดปริมาณลง อีกทั้งคุณหมอยังสนับสนุนให้สามีเชื่อดิฉันและปฏิบัติตามแนวทางของชีวจิตอีกด้วยค่ะ”
คุณแววตาเล่าต่อว่า ทุกวันนี้สามีสามารถเดินไปไหนมาไหน ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ และดูอ่อนกว่าวัย ไม่เหมือน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานเลย
นอกจากดูแลสามีแล้ว คุณแววตายังนำข้อมูลจากนิตยสารชีวจิตมาเป็นคู่มือดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ แม้มีอายุกว่า 65 ปีแล้ว แต่ชีวจิตรับรองได้เลยว่า คุณแววตายังคงมีรูปร่างดี ผิวพรรณสดใส และเคลื่อนไหวคล่องแคล่วมากๆ โดยเธอใช้เวลาว่างในวันจันทร์และวันศุกร์
ทำงานเป็นอาสาสมัครสภากาชาดไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ทั้งยังแบ่งปันข้อมูลสุขภาพที่อ่านพบจากนิตยสารชีวจิตแก่ผู้ป่วยและเพื่อนๆอาสาสมัคร ซึ่งหลายคนก็เป็นแฟนนิตยสารชีวจิต ติดตามกันมายาวนานและเหนียวแน่นด้วยกันทั้งนั้นจึงสามารถบอกได้เลยว่า คุณแววตาเป็นหนึ่งในผู้อ่านที่ประสบความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตท่านหนึ่ง
“ดิฉันรักนิตยสารชีวจิตและพร้อมจะแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้กับผู้ที่สนใจ หากใครเป็นมือใหม่ อยากทำความรู้จักกับชีวจิตมากขึ้น สามารถมาพบปะพูดคุยกันได้ตอนช่วงเช้าของวันจันทร์และวันศุกร์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ค่ะ ดิฉันยินดีให้คำแนะนำและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆที่มีใจรักสุขภาพเสมอ”
นี่คือเรื่องราวดีๆในการดูแลตนเองและคนรอบข้างของหนึ่งในผู้อ่านที่น่าชื่นชมท่านนี้ ชีวจิตขอปรบมือให้ค่ะ