“บาปที่ไม่ได้ก่อ” เรื่องจริงของหญิงติด เชื้อ HIV จากสามีที่ไว้ใจ
ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าชั่วชีวิตคนเราต้องพบเจอกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึงอะไรบ้าง อย่าง เชื้อ HIV
ฉันเป็นลูกสาวคนกลางในจำนวนพี่น้อง 3 คน ครอบครัวของเราฐานะปานกลาง พี่สาวและน้องชายเป็นคนหน้าตาดี ต่างจากฉันที่หน้าตาธรรมดา ฉันเป็นคนหัวอ่อนและไม่เคยทำอะไรออกนอกลู่นอกทาง
เรื่องเดียวที่อาจเรียกได้ว่าเป็นปมในชีวิตก็คือ พ่อกับแม่มักทะเลาะกันเรื่องที่พ่อไม่ยอมช่วยทำมาหากินและทำให้แม่ต้องเหนื่อยใจเสมอ ฉันจึงฝังใจเรื่องการมีคู่ครองเพราะเห็นแม่เป็นทุกข์กับชีวิตคู่จึงไม่อยากเป็นเช่นนั้น
หลังเรียนจบชั้น ป.6 แม่ส่งไปเรียนเสริมสวยในกรุงเทพฯและกลับมาเปิดร้านเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ทำให้ฉันได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตา เมื่อเริ่มเป็นสาวก็มีผู้ชายมาติดพัน เขาเป็นลูกค้าที่มาตัดผมกับฉันเป็นประจำ หน้าตาหล่อเหลา มีคุณสมบัติตามตำรา “รูปหล่อพ่อรวย” ฉันไม่ได้สนใจเขาในตอนแรกเพราะไม่ชอบที่เขาเจ้าชู้
เขาไปมาหาสู่ที่ร้านเสริมสวยของฉันเป็นประจำและพยายามเอาใจแม่ จนแม่เริ่มใจอ่อนและเห็นดีเห็นงามหากจะคบหากัน ประกอบกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายอยากให้เขามีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีจะได้หมดปัญหาเรื่องผู้หญิง นั่นทำให้ฉันต้องแต่งงานในวัยเพียง 19 ปี มันเป็นความรู้สึกสับสนและกังวลเพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน
ในวันแต่งงานฉันบอกเขาว่า
“คุณเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของฉัน อย่าทำให้ฉันเสียใจนะ”
เขาให้สัญญาเป็นอย่างดี ชีวิตหลังแต่งงานสมบูรณ์แบบมาก เป็นชีวิตในอุดมคติเลยก็ว่าได้ เพราะฉันเติบโตมากับเสียงทะเลาะของพ่อและแม่มาโดยตลอดแต่เขาดูแลฉันดีทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ซื้อให้ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ไม่นานฉันก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกสาวคนแรก เราใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข
แต่ความสุขก็อยู่กับฉันได้ไม่นาน เมื่อฉันตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ผลการตรวจเลือดทำให้ฉันถึงกับล้มทั้งยืน
“ผลตรวจเลือดออกมาว่าคุณติดเชื้อเอชไอวี”
หมอบอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี สิ้นเสียงของหมอ ฉันยังไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ได้แต่ถามทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าผลการตรวจผิดพลาดหรือไม่ ฉันเป็นผู้หญิงหัวโบราณ ตั้งแต่เป็นสาวจนมีลูกมีผู้ชายเพียงคนเดียวคือสามี
ฉันเริ่มมีสติและนึกถึงลูกเป็นอันดับแรกหากโชคร้ายต้องเป็นโรคนี้จริง ๆ ลูกในท้องจะเป็นอะไรไหม แต่หมอบอกว่าลูกในท้องไม่ติดเชื้อ ฉันจึงโล่งใจ คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวมากมายในตอนนั้นคือ
ฉันติดโรคมาจากใคร
เมื่อกลับถึงบ้านฉันนำผลตรวจเลือดไปให้เขาดู พยายามรวบรวมสติไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าเขาคือคนที่นำโรคร้ายนี้มาติดฉัน เขาได้แต่ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อฉันขอร้องให้เขาไปหาหมอ เขากลับนิ่งเฉย และที่ร้ายไปกว่านั้นคือเขายังคงเที่ยวเตร่เหมือนเดิม
ไม่นานฉันก็ให้กำเนิดลูกคนที่สอง เป็นเด็กผู้ชายสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ทุกประการ ฉันรับยาต้านไวรัสตามนัดของหมอทุกครั้ง และกินยาตรงเวลาไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับคิดบวกเสมอว่า
“ฉันไม่ได้เป็นเอดส์ ฉันปกติเหมือนคนทั่วไป”
เมื่อลูกชายอายุได้ 4 ขวบ สามีของฉันอาการทรุดหนักเพราะไม่เคยไปหาหมอ เขาได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง ร่างกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ฉันต้องดูแลลูกสองคนที่ยังเด็กและสามีที่ป่วยหนัก ร้านเสริมสวยก็ไม่ได้เปิด ทำให้ไม่มีรายได้ ต้องนำเงินเก็บที่มีมาใช้จนเริ่มร่อยหรอ ต้องอยู่อย่างยากลำบาก ไม่นานนักมัจจุราชก็พรากสามีไป วันนั้นลูกเล็กที่เล่นซนอยู่ข้างเตียงไม่รับรู้เลยว่าพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว เขาหมดทุกข์ไปแล้ว แต่คนที่มีชีวิตอยู่ยังคงต้องทนทุกข์ต่อไป
ฉันตัดสินใจกลับมาเปิดร้านเสริมสวยอีกครั้ง เพราะเป็นช่องทางเดียวที่จะทำให้มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่ไม่มีใครกล้าเข้าร้านฉัน ทุกคนกลัวติดโรค สายตาของผู้คนที่ไม่เข้าใจมองฉันอย่างดูแคลน
“อย่าไปทำผมร้านนั้นนะ เดี๋ยวติดเอดส์”
ฉันเริ่มท้อแท้และหมดหวัง เอาแต่ตั้งคำถามว่า
“เป็นความผิดของฉันหรือ ฉันแค่เป็นเอดส์ ไม่ได้เป็นฆาตกรสักหน่อย ทำไมต้องรังเกียจกันถึงเพียงนี้”
เวลานั้นสภาพจิตใจย่ำแย่มาก ๆ ไหนจะกังวลว่าจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงดูลูก ไหนจะกลัวลูกถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่ามีแม่เป็นเอดส์ ฉันตัดสินใจย้ายไปอยู่กับพี่สาวชั่วคราว ช่วงนั้นลูกชายตั้งคำถามกับฉันทุกวันว่า
“พ่อหายไปไหน หนูคิดถึงพ่อ”
ฉันได้แต่มองดูลูกด้วยความสงสารและตอบเพียงว่า
“พ่อไปเที่ยวไกลมาก กว่าจะได้เจอกันอีกก็อีกนานเลย”
ฉันนอนร้องไห้ทุกคืน แต่เมื่อคิดได้ว่าถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่ตื่นขึ้นมา ใครจะดูแลลูกทั้งสองคน ลูกจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีทั้งพ่อและแม่ ก็มีแรงฮึดขึ้นมาว่า ฉันจะต้องอยู่เพื่อลูกต่อไป จึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านของตัวเองเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหา เพื่อพิสูจน์ให้คนเห็นว่าโรคเอดส์ไม่ได้น่ากลัว และฉันไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจ
หลังจากนั้นฉันจึงเริ่มดูแลตัวเอง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พยายามไม่เครียดและกลับมาร่าเริงแจ่มใส ตามแม่ไปวัดทำบุญและปฏิบัติธรรม ซึ่งทำให้ฉันเริ่มมองโลกในแง่ดีและออกมาพบปะพูดคุยกับผู้คนมากขึ้น ฉันพยายามสร้างความเชื่อใหม่ว่าคนที่เป็นโรคนี้ไม่ได้น่ากลัวและสามารถอยู่ร่วมกับทุกคนได้อย่างปกติสุข
ฉันเปิดลานกิจกรรมแอโรบิกของหมู่บ้านและเป็นผู้นำแอโรบิกเอง แรก ๆ ไม่มีคนสนใจมาเข้าร่วม แต่ฉันก็ยังไม่ลดละความพยายาม จนในที่สุดตอนนี้ทุกคนยอมรับในตัวฉัน ฉันกลับมาเปิดร้านเสริมสวย สุขภาพกายและใจก็ดีขึ้นตามลำดับ ฉันยังคงกินยาต้านไวรัสจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 18 ปี
ทุกวันนี้ลูกสาวคนโตของฉันเรียนจบปริญญา มีงานทำแล้ว อีกไม่นานนี้ลูกชายคนเล็กก็จะเรียนจบ ฉันหมดห่วงเรื่องลูกและพยายามจะมีความสุขกับชีวิตในทุก ๆ เรื่อง ถึงกายฉันจะป่วย แต่ใจฉันไม่ป่วย
ฉันใช้ชีวิตเฉกเช่นทุกวันเป็นวันสุดท้าย ฉันไม่เคยโกรธเกลียดใคร เพราะไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันใด และใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ให้มีความสุขมากที่สุด ต้องขอบคุณโรคร้ายที่ทำให้ฉันได้เตรียมใจและใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ข้อคิดทางธรรมจาก ส.สุวฑฺฒโน (พระครูธรรมธร ดร.สาคร สุวฑฺฒโน)
“กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
ทุกชีวิตเกิดมาล้วนเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร เป็นไปตามมรรคาสามัญของสัญชาตญาณสัตว์โลกที่ล้วนย่อมมีเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา การปลง การปล่อยวาง การวางใจให้เป็นกลางด้วยความมีสติสัมปชัญญะนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงให้เรารู้เท่าทันความเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นว่าเป็นเช่นนั้นเอง เพราะการเกิดแก่เจ็บตายนี้เกิดขึ้นกับทุกผู้ทุกคนโดยไม่มีใครคนใดจะหลีกหนีพ้นได้เลย
ฉะนั้นในช่วงชีวิตที่ได้ผ่านความเป็นธรรมดานี้มาแล้วและยังมีชีวิตอยู่ การหันมาพัฒนาตนเอง รักษาร่างกายและจิตใจอย่างมีสติ และปฏิบัติตนด้วยการน้อมนำหลักธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน ควรระลึกถึงความตายอยู่เสมอ แต่ไม่ทุกข์กับความตายด้วยการใช้ชีวิตเสมือนว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตและทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป (This too shall pass.) จะทำให้เราลดละจากความทุกข์และเปลี่ยนเป็นสุขกับชีวิตปัจจุบันมากขึ้น
“ปล่อยให้ลง ปลงให้เป็น เพื่อชีวิตที่เยือกเย็น ปล่อยไม่ลง ปลงไม่ได้ สุดท้ายเหมือนตายผ่อนส่ง”
ที่มา คอลัมน์ True Story นิตยสาร Secret
เรื่อง อนงค์
เรียบเรียง อรอุมา ศิลป์วัฒนานุกูล
บทความน่าสนใจ
(ไม่) ทุกข์เพราะสามีทิ้ง – บทความดีๆ เพื่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
พระนางสัมพุลา ยอดภรรยาผู้เกื้อกูลสามี
โลกโซเชียลน้ำใจล้นหลาม แห่ช่วยสามีผู้ติดป้ายประกาศหาผู้บริจาคไตให้ภรรยา