object(WP_Query)#2399 (52) {
["query"]=>
array(7) {
["cat"]=>
int(10016)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["posts_per_page"]=>
int(12)
["orderby"]=>
string(4) "date"
["order"]=>
string(4) "DESC"
["paged"]=>
int(4)
}
["query_vars"]=>
array(66) {
["cat"]=>
int(10016)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["posts_per_page"]=>
int(12)
["orderby"]=>
string(4) "date"
["order"]=>
string(4) "DESC"
["paged"]=>
int(4)
["error"]=>
string(0) ""
["m"]=>
string(0) ""
["p"]=>
int(0)
["post_parent"]=>
string(0) ""
["subpost"]=>
string(0) ""
["subpost_id"]=>
string(0) ""
["attachment"]=>
string(0) ""
["attachment_id"]=>
int(0)
["name"]=>
string(0) ""
["pagename"]=>
string(0) ""
["page_id"]=>
int(0)
["second"]=>
string(0) ""
["minute"]=>
string(0) ""
["hour"]=>
string(0) ""
["day"]=>
int(0)
["monthnum"]=>
int(0)
["year"]=>
int(0)
["w"]=>
int(0)
["category_name"]=>
string(12) "healthy-body"
["tag"]=>
string(0) ""
["tag_id"]=>
string(0) ""
["author"]=>
string(0) ""
["author_name"]=>
string(0) ""
["feed"]=>
string(0) ""
["tb"]=>
string(0) ""
["meta_key"]=>
string(0) ""
["meta_value"]=>
string(0) ""
["preview"]=>
string(0) ""
["s"]=>
string(0) ""
["sentence"]=>
string(0) ""
["title"]=>
string(0) ""
["fields"]=>
string(0) ""
["menu_order"]=>
string(0) ""
["embed"]=>
string(0) ""
["category__in"]=>
array(0) {
}
["category__not_in"]=>
array(0) {
}
["category__and"]=>
array(0) {
}
["post__in"]=>
array(0) {
}
["post__not_in"]=>
array(0) {
}
["post_name__in"]=>
array(0) {
}
["tag__in"]=>
array(0) {
}
["tag__not_in"]=>
array(0) {
}
["tag__and"]=>
array(0) {
}
["tag_slug__in"]=>
array(0) {
}
["tag_slug__and"]=>
array(0) {
}
["post_parent__in"]=>
array(0) {
}
["post_parent__not_in"]=>
array(0) {
}
["author__in"]=>
array(0) {
}
["author__not_in"]=>
array(0) {
}
["ignore_sticky_posts"]=>
bool(false)
["suppress_filters"]=>
bool(false)
["cache_results"]=>
bool(true)
["update_post_term_cache"]=>
bool(true)
["update_menu_item_cache"]=>
bool(false)
["lazy_load_term_meta"]=>
bool(true)
["update_post_meta_cache"]=>
bool(true)
["nopaging"]=>
bool(false)
["comments_per_page"]=>
string(2) "50"
["no_found_rows"]=>
bool(false)
}
["tax_query"]=>
object(WP_Tax_Query)#2401 (6) {
["queries"]=>
array(1) {
[0]=>
array(5) {
["taxonomy"]=>
string(8) "category"
["terms"]=>
array(1) {
[0]=>
int(10016)
}
["field"]=>
string(7) "term_id"
["operator"]=>
string(2) "IN"
["include_children"]=>
bool(true)
}
}
["relation"]=>
string(3) "AND"
["table_aliases":protected]=>
array(1) {
[0]=>
string(21) "wp_term_relationships"
}
["queried_terms"]=>
array(1) {
["category"]=>
array(2) {
["terms"]=>
array(1) {
[0]=>
int(10016)
}
["field"]=>
string(7) "term_id"
}
}
["primary_table"]=>
string(8) "wp_posts"
["primary_id_column"]=>
string(2) "ID"
}
["meta_query"]=>
object(WP_Meta_Query)#2405 (9) {
["queries"]=>
array(0) {
}
["relation"]=>
NULL
["meta_table"]=>
NULL
["meta_id_column"]=>
NULL
["primary_table"]=>
NULL
["primary_id_column"]=>
NULL
["table_aliases":protected]=>
array(0) {
}
["clauses":protected]=>
array(0) {
}
["has_or_relation":protected]=>
bool(false)
}
["date_query"]=>
bool(false)
["request"]=>
string(391) "
SELECT SQL_CALC_FOUND_ROWS wp_posts.ID
FROM wp_posts LEFT JOIN wp_term_relationships ON (wp_posts.ID = wp_term_relationships.object_id)
WHERE 1=1 AND (
wp_term_relationships.term_taxonomy_id IN (10016,10037)
) AND wp_posts.post_type = 'post' AND ((wp_posts.post_status = 'publish'))
GROUP BY wp_posts.ID
ORDER BY wp_posts.post_date DESC
LIMIT 36, 12
"
["posts"]=>
array(12) {
[0]=>
object(WP_Post)#2400 (24) {
["ID"]=>
int(246805)
["post_author"]=>
string(2) "72"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-09 16:23:07"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-09 09:23:07"
["post_content"]=>
string(7337) "เรื่องที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี สุดยอดสารอาหารมากสารต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินซี คือวิตามินที่กินกับแทบทุกบ้าน เพราะเป็นสารสำคัญที่มีผลดีต่อการทำงานของร่างกาย แต่เชื่อเถอะว่า ยังมีหลายเรื่องที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับเจ้าวิตามินตัวนี้
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ
จึงดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและรวดเร็ว โดยร่างกายคนเราต้องการวิตามินซีเพียง 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน หากร่างกายได้รับมากเกินไปซึ่งเกินความจำเป็นของร่างกายก็จะถูกขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ ไม่สะสมไว้
สำคัญอย่างมากกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เพราะมีสารต้านทานอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยชะลอริ้วรอ และส่งผลให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยให้ความจำดีขึ้น เพราะช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินวิตามินซีรูปแบบเม็ดคือหลังอาหารเช้า (ประมาณ 9-10 โมงเช้า)
เพราะร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ และควรกินวิตามินซีหลังอาหาร เพราะวิตามินซีต้องการตัวนำพาเข้าสู่ร่างกาย หากกินวิตามินซีตอนท้องว่าง ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้น้อยเนื่องจากไม่มีตัวนำพา
ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวมากไม่ได้มีวิตามินซีมาก
ดูอย่าง ฝรั่ง ลูกเขียวๆ หวานๆ แต่ให้วิตามินซีสูงถึง 160 มิลลิกรัมต่อการรับประทาน 100 กรัม นั่นมากกว่าส้มที่ให้วิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม ส่วนผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงที่สุดคือมะขามป้อม มีวิตามินซี 276 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม
ผักบางชนิดที่ให้วิตามินซีสูง
เช่น ผักคะน้ามีวิตามินซี 147 มิลลิกรัม ต่อการรับประทาน 100 กรัม ขณะที่ผักปวยเล้งมีวิตามินซี 120 มิลลิกรัม บร็อกโคลีมี 89.2 มิลลิกรัม และพริกหวานมี 80.4 มิลลิกรัม
รับวิตามินซีมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย
ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินซีเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะแม้ร่างกายจะขับวิตามินซีส่วนที่เกินออกมาทางปัสสาวะ แต่หากมีการขับส่วนเกินทิ้งทุกวัน ก็มีโอกาสเกิดการตกตะกอนของผลึกวิตามินซี ทำให้กลายเป็นนิ่วในไต หรือในทางเดินปัสสาวะได้
แสง ออกซิเจน และความร้อน คือตัวทำลายวิตามินซีในธรรมชาติ
ดังนั้นเมื่อปอกผลไม้แล้วให้รับประทานให้หมดทันที เพราะเมื่อวางทิ้งไว้จะทำให้วิตามินซีสูญหายไป ขณะที่การสูบบุหรี่และความเครียดเป็นตัวเผาผลาญวิตามินซีในร่างกายไปมากที่สุด
ข้อมูลจาก : Bodylogicmd
บทความอื่นที่น่าสนใจ
"
["post_title"]=>
string(110) "เรื่องที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(199) "%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b9%88"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(52) "
https://goodlifeupdate.com/healthy-body/246664.html"
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-09 16:23:07"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-09 09:23:07"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246805"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[1]=>
object(WP_Post)#2398 (24) {
["ID"]=>
int(246773)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-08 16:51:12"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-08 09:51:12"
["post_content"]=>
string(7359) "การแพทย์แผนไทย นอกจากการใช้สมุนไพรรักษาแล้ว ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งนั้นคือการคำนวณหา “ธาตุเจ้าเรือน” เพื่อดูแนวโน้มว่าคนคนนั้นมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร เพราะร่างกายของแต่ละคนเกิดจากการชุมนุมของธาตุทั้ง 4 ภาษีบาลีเรียก มหาภูตรูป ประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ โดยแต่ละคนมีธาตุที่โดดเด่นมากกว่าธาตุอื่น เป็นธาตุประจำตัว เรียกว่า “ธาตุเจ้าเรือน” มี 2 ลักษณะ คือ
1.ธาตุเจ้าเรือนเกิด เป็นไปตามวันเดือนปีเกิด
2.ธาตุเจ้าเรือนปัจจุบัน พิจารณาจากบุคลิกลักษณะ อุปนิสัย และภาวะด้านสุขภาพกายและใจ ว่าสอดคล้องกับลักษณะของธาตุเจ้าเรือนอะไร
เมื่อธาตุทั้ง 4 ในร่างกายสมดุล บุคคลจะไม่ค่อยเจ็บป่วย หากขาดความสมดุลจะเกิดความเจ็บป่วยด้วยโรคตามธาตุเจ้าเรือนที่ขาดความสมดุล
ในตำราการแพทย์ดั้งเดิมพระคัมภีร์ปฐมจินดา กล่าวไว้ว่า เมื่อตั้งครรภ์ในฤดูใดให้เอาธาตุของฤดูนั้นเป็นที่ตั้งแห่งธาตุกำเนิดของกุมาร และกุมารี ซึ่งเป็นการนับเดือนแบบไทย โดยนับเดือนธันวาคม เป็นเดือนที่ 1 ดังนั้น
ตั้งครรภ์ในเดือน 5 , 6 , 7 เป็นลักษณะแห่ง ไฟ
ตั้งครรภ์ในเดือน 8 , 9 , 10 เป็นลักษณะแห่ง ลม
ตั้งครรภ์ในเดือน 11 , 12 , 1 เป็นลักษณะแห่ง น้ำ
ตั้งครรภ์ในเดือน 2 , 3 , 4 เป็นลักษณะแห่ง ดิน
คำว่า “ตั้งครรภ์ในเดือนใด” หมายถึง การเริ่มมีครรภ์ หรือมีการปฏิสนธิ แต่คนส่วนใหญ่มักจำได้เพียงแต่วันเดือนปีเกิด ดังนั้นถ้านำอายุการตั้งครรภ์มาพิจารณาจะประมาณการได้ว่า
ผู้ที่เกิดเดือน เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน จะมีธาตุ "ลม" เป็นธาตุเจ้าเรือน
ผู้ที่เกิดเดือน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน จะมีธาตุ "น้ำ" เป็นธาตุเจ้าเรือน
ผู้ที่เกิดเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม จะมีธาตุ "ดิน" เป็นธาตุเจ้าเรือน
ผู้ที่เกิดเดือน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม จะมีธาตุ "ไฟ" เป็นธาตุเจ้าเรือน
เมื่อรู้แล้วว่าเป็นธาตุอะไร ก็ไปดูกันเลย
คนธาตุลม
คนธาตุน้ำ
คนธาตุดิน
คนธาตุไฟ
และพิเศษสุด ครั้งแรกของชีวจิตกับ สลัดบาร์ตามธาตุทั้งสี ที่เราจะจัดน้ำสลัด 4 แบบ สุดพิเศษเพื่อให้ได้กินบำรุงสุขภาพตามธาตุ รับรองความอร่อยโดย ป้ายุง ผกา เส็งพานิช ว่าได้ทั้งสุขภาพ และความอร่อย แล้วพบกันที่งาน บ้านและสวนแฟร์select2023

มาพบกันที่งานบ้านและสวนแฟร์select2023 โซน Garden & Farm Courtyard

ตั้งแต่ 18 - 26 มีนาคม
ไบเทคบางนา
ข้อมูล นิตยสารชีวจิต ฉบับ 579
"
["post_title"]=>
string(126) "กินตามธาตุ เลือกผักได้ สุขภาพดี มีอายุยืนยาว"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(200) "%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8-%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89-%e0%b8%aa"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-15 18:11:28"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-15 11:11:28"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246773"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[2]=>
object(WP_Post)#2403 (24) {
["ID"]=>
int(246779)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-08 15:47:38"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-08 08:47:38"
["post_content"]=>
string(3454) "หลายคนเป็น "กรดไหลย้อน" เรื้อรัง นานๆ เข้า อาการเริ่มรุกหนัก แม้เวลานอนก็ไม่เว้น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้อาการทุเลาเบาบางลงได้
1. กินอาหารเย็นเร็วขึ้น
การเข้านอนโดยที่ท้องอิ่มแปล้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของอาการกรดไหลย้อนควรกินอาหารเย็นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอนเพื่อทําให้ท้องว่างก่อนเข้านอน
2. เดินผ่อนคลาย
หลังอาหารให้เดินผ่อนคลายสบายๆ สักครู่ วิธีการนี้จะช่วยย่อยอาหารได้ดี ป้องกันอาการกรดไหลย้อนได้แต่ไม่แนะนําให้ออกกําลังกายก่อนนอน เพราะทําให้มีอาการกรดไหลย้อนได้
3. จดบันทึกของแสลง
อาหารแต่ละชนิดจะกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนในแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนั้นควรจดรายการอาหารเย็นของทุกวัน ถ้าพบว่ากินอาหารเย็นชนิดไหนแล้วมีอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืนบ่อยๆ ก็จะรู้ได้ว่าควรเลี่ยงอาหารชนิดนั้น
4. ใส่ชุดนอนแบบหลวมสบาย
ระวังขอบกางเกงชุดนอนที่คับเกินไป เพราะชุดนอนที่คับจะทําให้เกิดแรงกดที่ท้องเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อน
5. นอนตะแคงซ้าย
นายแพทย์ชาร์ลส์ เอลสัน จากมหาวิทยาลัยแอละแบมา วิทยาเขตเบอร์มิงแฮม ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาพบว่านอนท่านี้ ช่วยจัดท่าทางให้กระเพาะอาหารอยู่ในท่าที่เหมาะสม ช่วยทําให้กรดในกระเพาะอาหารไม่ตีกลับขึ้นไปที่กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารตอนล่าง
ข้อมูลจาก คอลัมน์เกร็ดสุขภาพ ชีวจิตมือโปร นิตยสารชีวจิต ฉบับ 336"
["post_title"]=>
string(115) "วิธีรับมือกับ "กรดไหลย้อน" ที่คอยตามกวนใจ"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(190) "%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b9%89"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-08 15:47:38"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-08 08:47:38"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246779"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[3]=>
object(WP_Post)#2402 (24) {
["ID"]=>
int(246776)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-07 22:27:35"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-07 15:27:35"
["post_content"]=>
string(5682) "ผักชี ประโยชน์สูงกว่าตัว คุมน้ำตาล ป้องกันสมองเสื่อม
ผักชีเป็นผักที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผักที่ใช้โรยหน้าเสริมสร้างความสวยงาม หรือช่วยสร้างกลิ่นหอม จนเป็นที่มาของสุภาษิตไทยโบราณ ที่ว่าผักชีโรยหน้า คือทำอะไรแต่พอกลบหน้า หรือแค่เฉพาะช่วงโอกาสสำคัญเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วผักชีมีประโยชน์มากกว่านั้นมากเลยนะคะ ประโยชน์สูงกว่าต้นของมันเสียอีก แต่จะมีอะไรบ้าง เราค่อยๆ มาดูกันนะคะ
สำหรับครัวไทยแล้ว เราใช้ผักชีในทุกส่วน ตั้งแต่รากจนถึงยอด โดยรากใช้เป็นเครื่องเทศในกลุ่มสามเกลอ ที่ประกอบด้วย รากผักชี กระเทียม และพริกไทย (ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ก็ล้วนเป็นเครื่องเทศที่อุดมประโยชน์จริงๆ ) นอกจากนั้นแล้วก็ใช้ใบในการโรยตกแต่ง เพิ่มกลิ่มหอมของอาหาร แต่เดี๋ยวนี้แอดก็เห็นว่าหลายร้านที่เสิร์ฟผักชีมาทั้งต้นก็ว่าได้ ส่วนผลก็ใช้ตำเป็นเม็ดผักชี ที่ช่วยส่งเสริมกลิ่นของอาหารให้หอมอร่อย
ทั้งนี้มีงานวิจัยหลายฉบับทีไ่ด้ศึกษาส่วนใบ และลำต้นของผักชี พบว่ามีต้านอนุมูลอิสระ และช่วยปกป้องเซลล์สมองไม่ให้ถูกทำลาย รวมไปถึงว่า ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา นอกจากนั้นยังช่วยในระบบย่อยอาหารอีกด้วย
ส่วนในผลของผักชีเองก็มีการศึกษาพบว่าให้ผลที่คล้ายกันคือ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และมีเพิ่มเติมคือ ลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนั้นยังช่วยลดน้ำตาล ความดัน และไขมันในเลือดได้ รวมถึงกำจัดโลหะหนัก ช่วยปกป้องตับและไต ส่วนอะโรมาที่ออกมาจากเมล็ดผักชีนั้นยังช่วยลดความวิตกกังวล
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผักชีนอกจากจะกินได้ทุกส่วนแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ทุกส่วนเช่นเดียวกัน
ใบ
ช่วยบำรุงร่างกาย แก้หวัด แก้ไอ แก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้อาเจียน เมารถ เมาเรือ รวมถึงลดน้ำตาลในเลือด
ผล
ช่วยให้เจริญอาหาร ละลายเสมหะ ลดการปวดฟัน บำรุงระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ต้น
ขับเหงื่อ แก้ผื่นแดง และไข้ออกผื่น
ราก
บรรเทาอาการไข้อีดำอีแดง
การกินเพื่อส่งเสริมยา
ผักชีเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย จึงช่วยเสริมฤทธิ์ยาได้มากมาย คือ
ช่วยเสริมยาลดน้ำตาลในเลือด ยาลดความดัน และยาที่ส่งผลต่อการกดประสาทส่วนกลาง
ที่มา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
"
["post_title"]=>
string(150) "ผักชี ประโยชน์สูงกว่าตัว คุมน้ำตาล ป้องกันสมองเสื่อม"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(199) "%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%8a%e0%b8%b5-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%82%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b9%8c%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b1"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-07 22:27:35"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-07 15:27:35"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246776"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[4]=>
object(WP_Post)#2404 (24) {
["ID"]=>
int(246760)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-04 23:37:43"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-04 16:37:43"
["post_content"]=>
string(5393) "กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม กินได้เรื่อยๆ กินตลอดเวลา หรือบางครั้งกินทีครั้งละมากๆ (หมายถึงมากจนผิดปกติกว่าคนทั่วไป) แบบนี้อาจเข้าข่ายอาการผิดปกติ มาลองสังเกตกันว่าตัวเราหรือคนรอบข้างมีอาการแบบนี้บ้างไหม ?
โรคที่เกิดขึ้นขึ้นมีชื่อเรียกว่า “Binge Eating Disorder” เป็นการที่เราสามารถกินอาหารหมดได้อย่างรวดเร็ว หรือกินในปริมาณมากๆ มากจนเกินคนทั่วไป อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นบางช่วง ซึ่งเวลาที่เกิดขึ้นมักจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
สำหรับโรคนี้เป็นไปได้ว่า ได้รับการพัฒนามาจาก การที่เรากินอาหารตามอารมณ์มากเกินไป แต่จะมีความแตกต่างกันที่หากเป็นการกินตามอารมณ์จะมีเรื่องของ ความสุข ความเศร้า ความเครียดเข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น ทางการแพทย์ยังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้อย่างชัดเจน แต่สันนิษฐานว่า เกิดจาก 3 อย่างนี้
- เคยลดน้ำหนักโดยใช้วิธีที่ผิดมาก่อน
- มีปัญหาทางด้านครอบครัว ที่มีผลกระทบต่อจิตใจโดยตรง
- ความเครียดสะสม
โรคนี้มักจะพบมากที่วัยรุ่นตอนปลาย ช่วงอายุ 23 ปี และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะมันพัฒนามาจากการกินที่ผิดปกติ การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี ไม่ยอมกินอาหาร นานวันเข้ามันได้พัฒนากลับมาเป็นอีกขั้ว คือกินเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ
ลองเช็กอาการเบื้องต้นว่าเราหรือคนรอบตัวเข้าข่ายโรคนี้กันหรือยัง ?
- ทุกครั้งที่เริ่มกินอาหาร รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมปริมาณอาหารที่กินได้
- ถึงแม้จะไม่รู้สึกหิว หากมีคนมาชวนกินก็สามารถกินได้แถมยังกินได้ในปริมาณที่มากกว่าคนอื่น
- กินอาหารด้วยความรวดเร็ว หมดก่อนคนอื่นเสมอ เฉลี่ยแล้วกินไวมากเกินไป
- ยังสามารถกินอาหารได้อีก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแน่นท้อง
- เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น หรือมีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด จะกินมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก แต่เมื่อมีสติจะรู้สึกผิด และรู้สึกเฟลกับเรื่องที่เกิดขึ้น
- พยายยามจะควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำหนักตัวเอง แต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม คือกินไม่หยุด และมารู้สึกแย่กับตัวเองหลังกินอาหารเสร็จ
- หลบหน้าคนอื่น เพราะรู้สึกอาย เครียด กังวลว่าคนอื่นจะรู้ว่าเรากินมากกว่าปกติ
หากมีอาการตามที่ลิลต์ไว้เกิน 3 ข้อ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษากันต่อไป
ที่มา : Ramkhamhaeng Hospital"
["post_title"]=>
string(118) "กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม สัญญาณเตือนของโรคร้าย"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(199) "%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%87%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%a1-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%80"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-07-10 10:52:36"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-07-10 03:52:36"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246760"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[5]=>
object(WP_Post)#2397 (24) {
["ID"]=>
int(246755)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-04 20:40:13"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-04 13:40:13"
["post_content"]=>
string(3818) "ผัก เป็นหนึ่งอาหารที่หลายคนเเขี่ยออก เพราะรสชาติที่บางทีก็ขม บางทีก็เหม็นเขียว หรือผักบางชนิดก็แข็งเกินไป เมื่อตอนเด็กๆ ไม่กิน โตมาก็เลยไม่กิน แต่รู้ไหมว่า ไม่กินผัก จะทำให้เสี่ยงหลายโรคเลยนะคะ
ขาดสารอาหาร
เพราะผักเป็นแหล่งของสารอาหารที่หลากหลาย ซึ่งหากขาดไปอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้เช่น เลือดออกตามไรฟัน โลหิตจาง คอหอยพอก เป็นต้น
โรคในระบบทางเดินอาหาร
โดยเฉพาะในลำไส้ เนื่องจากผักเป็นแหล่งของไฟเบอร์หรือกายใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลาย และไม่ละลายในน้ำ ดังนั้นการที่ไม่มีเส้นใยอาหารเข้าไปช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้ขับถ่าย ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งลำไส้ ลำไส้แปรปรวน หรือริดสีดวงทวารหนัก
โรคเบาหวาน
ผักมีพฤกษเคมี ที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน รวมถึงมีการใยที่ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่ร่างกายได้ช้า นอกจากนั้นผักยังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตไขมันต่ำอีกด้วย
โรคอ้วน
การไม่กินผัก แล้วกินแต่อาการขยะอาจทำให้เกิดโรคอ้วน นอกจากนั้นการไม่กินผักยังทำให้ร่างกายขาดไฟเบอร์ ซึ่งจะทำให้ไม่รู้สึกอิ่มท้อง และต้องกินอาหารมากกว่าปกติ
โรคทางสายตา
ในผักและผลไม้มีลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงจอประสาทตา และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค รวมถึงทำให้ทัศนวิสัยในการมองได้ดี
โรคเรื้อรังต่างๆ
นอกจากเบาหวานแล้ว ในผักยังมีสารอาหารต่างๆ ที่ช่วยให้ห่างไกลจากโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น
ที่มา โรงพยาบาลเพชรเวช"
["post_title"]=>
string(90) "ระวังนะ! ไม่กินผัก เสี่ยงหลายโรค"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(191) "%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b8%b0-%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%81-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-04 20:42:41"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-04 13:42:41"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246755"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[6]=>
object(WP_Post)#2396 (24) {
["ID"]=>
int(246703)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-01 15:26:32"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-01 08:26:32"
["post_content"]=>
string(5132) "การกินเพราะหิวกับกินตามอารมณ์ มักผสมปนเปจนบางทีก็แยกไม่ออก การปล่อยให้อารมณ์นำการกินมักทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารเกินกว่าความจำเป็น และส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้ในที่สุด เราจึงมาชวนสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง ว่าที่กินๆ อยู่นี่เพราะหิวหรือเพราะแค่เบื่อ
กินเพราะหิว
คือความหิวจริงๆ ที่ร่างกายต้องการอาหารเพื่อแปลงเป็นพลังงาน ถ้าหิวและกินเพราะสาเหตุนี้จริงๆ จะรู้สึกได้ว่าท้องว่าง บางทีก็ท้องร้องครืดคราด จนรู้สึกหิว และถ้าไม่กิน อาจต้องเจอกับอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ รู้สึกอ่อนแรง เหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ
กินเพราะเบื่อ
ความเบื่อเป็นหนึ่งในสาเหตุที่นำไปสู่ความหิวที่ไม่ได้มาจากร่างกายต้องการอาหาร เป็นเหมือนการกินอาหารตามอารมณ์ ยกตัวอย่างเช่น กินเพราะเครียด
กล่าวเพิ่มเติมคือคนที่จมอยู่กับความเบื่อหน่ายมีแนวโน้มที่จะกินอาหารมากเกินไป หรือกินตามอารมณ์ได้สูง รวมไปถึงผู้ที่มีภาวะเครียดเรื้อรังจะกระตุ้นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิว นี่จึงเป็นคำอธิบายเมื่อเวลาระดับฮอร์โมนของเราเปลี่ยนแปลง น้ำหนักตัวเราอาจเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไป จะสังเกตได้อย่างไรว่าหิวจริงๆ
ความหิวจริงๆ (รวมไปถึงกระหายน้ำ) จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากความเบื่อและความอยากกินตามอารมณ์ สัญญาณแรกๆ มักมากับความรู้สึกหิวเบาๆ รู้สึกท้องว่าง และท้องร้อง (แต่สัญญาณเหล่านี้ก็จะแตกต่างไปในรายบุคคล)
ส่วนความรู้สึกกระหายจริงๆ มักมาพร้อมกับอาการปากแห้ง ระคายคอ จนรู้สึกอยากดื่มเครื่องดื่มรวมไปถึงน้ำเปล่า ในทางกลับกัน ความรู้สึกกระหายแบบตามอารมณ์ เรามักมีเครื่องดื่มเฉพาะเจาะจงในใจอยู่แล้วว่าอยากดื่มอะไร เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม
ดังนั้น เมื่อเกิดความรู้สึกหิว ให้สังเกตตัวเองตามนี้
- ตอนนี้รู้สึกอย่างไร
-รู้สึกเบื่อ วิตกกังวล หรือเศร้าหรือไม่
-มื้อสุดท้ายที่กินตอนกี่โมง
-มีสัญญาณความหิวทางร่างกายหรือไม่
ถ้าไม่ได้มีปัจจัยทางอารมณ์ มื้อสุดท้ายที่กินมีระยะห่างจากความหิวปัจจุบันเหมาะสม มีสัญญาณความหิวทางร่างกาย แสดงว่าเป็นความหิวจริงๆ แล้วล่ะ หาอะไรกินได้เลย
อ้างอิง : Healthline"
["post_title"]=>
string(113) "อยากกิน เพราะความหิว หรือแค่อารมณ์เบื่อ"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(200) "%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%a7-%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-01 15:26:32"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-01 08:26:32"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246703"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[7]=>
object(WP_Post)#2395 (24) {
["ID"]=>
int(246698)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-01 12:28:45"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-01 05:28:45"
["post_content"]=>
string(9285) "เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นสาเหตุใหญ่ วันนี้แอดเลยชวนทุกคนมาดูสมุนไพร ใกล้ตัวทีช่วยป้องกัน และบำบัด รวมถึงช่วยควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด ให้อยู่ในระดับปกติได้
ตำลึง รักษาระดับน้ำตาล
ทีมนักวิชาการจาก Harvard Medical School ได้ทำการศึกษาพบว่า ตำลึงและโสมมีหลักฐานสนับสนุนประสิทธิภาพในการลดน้ำตาลได้ดีที่สุด โดยสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องการลดน้ำตาลอยู่ในส่วนใบและราก
นอกจากนั้นยังศึกษาพบว่า หากกินใบตำลึงวันละ 50 กรัมทุกวัน จะสามารถรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ได้ด้วย
ดำรับยา
เถาตำลึงสับเป็นท่อนๆ ยาว 2-3 นิ้ว จำนวน 1 กำมือ
วิธีทำ ใส่น้ำพอท่วม ต้มนาน 15 -20 นาที นำมาดื่มเช้า-เย็นติดต่อกัน 7 - 10 วัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
น้ำคั้นมะระขึ้นก ชะลอผลเสียต่าง ๆ จากโรคเบาหวาน
สารขมในมะระขึ้นกมีฤทธิ์ในการยับยั้งน้ำตาลในเลือด เสริมการหลั่งอินซุลินจากตับอ่อน ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ เสริมการเผาผลาญน้ำตาล เพิ่มความไวต่ออินซูลิน เพิ่มความทนต่อกลูโคส (Glucose Tolerance) การศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (8 คน) พบว่า ผู้ป่วยทนกลูโคสได้ดีขึ้น ลดระดับน้ำตาลขณะอิ่ม และลดความถี่ของการขับปัสสาวะ หากผู้ป่วยเบาหวานบริโภคมะระขึ้นกคั้นน้ำเป็นอาหารเสริม จะช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้ปกติ และชะลออาการต่างๆ ที่เป็นผลเสียจากโรคเบาหวาน
ดำรับยา
มะระขึ้นกสดผลสีเขียวผ่าครึ่งคว้านเมล็ดออก ใช้แต่ส่วนเนื้อ 100 กรัม
วิธีทำ ใส่เนื้อมะระขึ้นกลงในเครื่องคั้นแยกกาก จะได้น้ำมะระขึ้นกราว 40 มิลลิลิตร ดื่มหลังอาหารเช้าและเย็น
ชาเชียงดา ฆ่าน้ำตาล าหรือผักจินดา
ในภาษาฮินดูเรียกว่า "Gurmar" เป็นรากศัพท์ของชื่อ gymnema ซึ่งแปลว่า ผู้ฆ่าน้ำตาล สารสำคัญในผักเชียงดามีฤทธิ์ยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ซะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็ก กระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในตับอ่อน และกระตุ้นอินซูลินให้หลั่งมากขึ้น จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาลดน้ำตาลอยู่แล้วต้องระมัดระวังการรับประทาน
ตำรับชาเชียงดา
ส่วนผสม
ราก เถา หรือใบผักเชียงดาตากแห้งบดละเอียด 1.5 กรัม
น้ำสะอาดสำหรับชงชา 150 มิลลิลิตร
วิธีทำ ชงผงเชียงดาบดกับน้ำร้อน ดื่มเป็นน้ำชาวันละ 1 แก้วหลังอาหาร
ไหมข้าวโพด ช่วยลดน้ำตาล
ไหมข้าวโพด หรือหนวดข้วโพด มีรสหวาน เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อกระเพาะอาหาร ลำไส้ และทางเดินปัสสาวะ มีสรรพคุณขับร้อนชื้น แก้กระหายน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ กระตุ้นให้น้ำดีขับเคลื่อน ช่วยรักษาอาการไตอักเสบ บวมน้ำ ขาบวม ตับอักเสบแบบดีซ่าน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ แก้นิ่วในถุงน้ำดี
ตำรับแก้โรคเบาหวานจากไหมข้าวโพด (จากเว็บไซต์ doctor.or. th หรือเว็บไซต์หมอชาวบ้าน)
ไหมข้าวโพด (ยอดเกสรตัวเมียแห้ง) 30 กรัม
น้ำสะอาด
วิธีทำ ต้มไหมข้าวโพดกับน้ำสะอาด ดื่มวันละ 3 ครั้ง
เครื่องดื่มเสริมหยิน ลดน้ำตาลในเลือด
อาหารสมุนไพรสำหรับเบาหวานตามตำราแพทย์แผนจีนมักมีคุณสมบัติ
- ขับร้อน เช่น หัวไช้เท้า ฟักเขียว เห็ดหูหนูขาว มะระ บวบ สาลี ถั่วเขียว ฟักทอง หนวดข้าวโพด ชาใบหม่อน
- เพิ่มพลังบำรุงหยินของไตหรือปอด เช่น ชานเย่า ปลิงทะเล ข้าวฟ่าง เก๋ากี้(มีเสริมหยางไตด้วย) รังนก เต้าหู้ เห็ดหูหนูขาว
โดยทั่วไปมักปรุงอาหารให้มีทั้งการขับร้อนลดน้ำตาลร่วมกับการบำรุงอวัยวะภายใน เพราะถ้ามุ่งเน้นแต่ลดน้ำตาลในเลือด แต่ไม่ปรับการทำงานของอวัยวะภายใน ก็จะได้แต่แก้อาการ ไม่ได้แก้รากฐานความเสียสมดุล หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดร้อนหรือบำรุงหยางอย่างแรง เช่น ขิง พริก พริกไทย กระเทียม เหล้า
เครื่องดื่มลดน้ำตาล
เห็ดหูหนูขาว 20 กรัม
เด็ดหูหนูดำ 20 กรัม
พุทราจีนเอาเมล็ดในออก 6 ผล
วิธีทำ ต้มเอาน้ำรับประทาน สรรพคุณ เสริมหยินลดน้ำตาลในเลือด สลายการเกาะตัวของเลือด"
["post_title"]=>
string(105) "แจกสูตรธรรมชาติ ป้องกัน บำบัด เบาหวาน"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(199) "%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-06-27 11:14:25"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-06-27 04:14:25"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246698"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[8]=>
object(WP_Post)#2170 (24) {
["ID"]=>
int(246678)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-02-27 21:39:30"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-02-27 14:39:30"
["post_content"]=>
string(2947) "พฤติกรรมที่เราทำอยู่จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน บางครั้งมันก็ส่งผลร้ายโดยตรงต่อดวงตาของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว มาดูกันว่าอะไรบ้างที่เรามองข้ามไป
ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ส่งผลให้สมองและระบบประสาทเสื่อมง่าย ทำให้เส้นประสาทรอบดวงตาเสื่อมก่อนวัย
พฤติกรรมติดจอ
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ หากมากเกินไป ทำให้เสียสายตาเกิดอาการอ่อนล้า นอกจากนี้ แสงสีฟ้า (Blue Light) จากจอก็ทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้
กินยาต้านเครียด ซึมเศร้า และยาขับปัสสาวะ
เพราะยากลุ่มนี้ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า ระยะสายตายาวขึ้นเพราะสายตาโฟกัสได้ไม่ดี
คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคตา
เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น
ใช้ตัวช่วยเพิ่มความสวยให้ดวงตา
เช่น เทปกาวติดตาสองชั้น คอนเท็กต์เลนส์ โดยอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อใช้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตาทำให้เพ่งมากเกินไป การกะระยะผิดพลาด เพราะฉะนั้นหมอแนะนำว่าไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
(ข้อมูลจากคอลัมน์ Anti-Aging นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 509)"
["post_title"]=>
string(62) "5 ไลฟ์สไตล์ทำร้ายดวงตา"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(182) "5-%e0%b9%84%e0%b8%a5%e0%b8%9f%e0%b9%8c%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b2"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-02-27 21:39:30"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-02-27 14:39:30"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246678"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[9]=>
object(WP_Post)#2406 (24) {
["ID"]=>
int(246651)
["post_author"]=>
string(2) "72"
["post_date"]=>
string(19) "2023-02-27 12:05:52"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-02-27 05:05:52"
["post_content"]=>
string(5813) "รู้หรือไม่ ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
ฮอร์โมน คือตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าระดับฮอร์โมนเป็นปกติ ร่างกายทำงานก็จะทำงานได้อย่างปกติ แต่ถ้าระดับ ฮอร์โมนไม่สมดุล จะส่งผลอย่างไรบ้าง เรามีคำตอบ
หากฮอร์โมนเปลี่ยนไป จะส่งผลโดยตรงกับสุขภาพ ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานบกพร่อง และอาจส่งผลให้โรคอื่นๆ ตามมา
เมื่อฮอร์โมนเสียสมดุล
อาการที่แสดงออก ได้แก่
- มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ โปรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่ผลิตออกมาจากรังไข่ช่วยให้เรานอนหลับสบายแต่หากฮอร์โมนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติจะส่งผลต่อการนอนหลับ การมีเอสโตรเจนที่ต่ำจะทำให้มีอาการรู้สึกหนาวๆร้อนๆหรือมีอาการเหงื่อออกในเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
- เป็นสิว การมีสิวในช่วงก่อนมีประจำเดือนนั้นเป็นเรื่องปกติแต่หากสิวขึ้นอยู่เป็นประจำและไม่หายอาจเป็นปัญหาของฮอร์โมนแอนโดรเจนส่งผลให้ต่อมไร้ท่อและต่อมไขมันทำงานผิดปกติ มีผลต่อเซลล์ของผิวหนังและรูขุมขนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนจนกลายเป็นสิวได้
- เหนื่อยและอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆ นั่นเป็นอาการที่เห็นได้ชัดของฮอร์โมนขาดสมดุลเนื่องจากฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลงจึงทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและพลังงานลดลง
- น้ำหนักเพิ่มขึ้น เมื่อสารเอสโตรเจนมีระดับน้อยลงจึงทำให้มีความอยากรับประทานอาหารมากขึ้นส่งผลต่อระดับความหิวที่ทำให้กินมากขึ้นนั่นเอง
- รอบเดือนผิดปกติ ปกติแล้วผู้หญิงจะมีรอบเดือนทุกๆ 21-35 วันแต่หากรอบเดือนมาบ้างไม่มาบ้างนั่นอาจหมายความว่าเรามีฮอร์โมนที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสโตรโรนเป็นตัวควบคุมเรื่องเหล่านี้
ขอบคุณข้อมูล : โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
บทความอื่นที่น่าสนใจ
"
["post_title"]=>
string(167) "รู้หรือไม่ ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(199) "%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%ae%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%82%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%a1"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-06-28 10:54:09"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-06-28 03:54:09"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246651"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[10]=>
object(WP_Post)#2407 (24) {
["ID"]=>
int(246638)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-02-25 20:26:22"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-02-25 13:26:22"
["post_content"]=>
string(10453) "15 อาหารล้างพิษ ออกจากร่างกาย
ทุกวันนี้รอบตัวเราเต็มไปด้วยสารพิษ ทั้งจากมลภาวะในอากาศ สารเคมี สารปนเปื้อนในอาหาร รวมไปถึงโลหะหนักที่เข้าสู่ร่างกายได้หลากหลายช่องทาง วันนี้แอดจึงเอา 15 อาหารล้างพิษ ที่จะช่วยล้างพิษออกจากร่างกายของเราได้ มาฝากกัน รับรองว่ากินง่าย ทุกอย่างแน่นอน
แอปเปิ้ล
ราชาแห่งผลไม้ ที่สารพัดประโยชน์จริงๆ นอกจากจะช่วยในการควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังอุดมด้วยเส้นใยอาหาร ที่ไม่เพียงทำให้ช่วยในระบบขับถ่ายแล้วยังช่วยนำคอเลสเตอรอลและโลหะหนักที่ตกค้างในลำไส้ออกมาด้วย
อะโวคาโด
ไม่เพียงอุดมด้วยไขมันดีเท่านี้ ที่ให้พลังงานสูง แค่คอเลสเตอรอลต่ำ แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้สารพิษเข้าไปทำลายหลอดเลือดแดง และมีกลูตาไธโอน ที่ช่วยล้างพิษตับ และลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้
บีทรูท
ผักหัวสีแดงเข้มนี้ ไม่เพียงช่วยขยายหลอดเลือด ควบคุมไขมันเลวในร่างกายแล้ว ยังมีสารที่ชื่อบีทานิน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไขมันสะสมในตับ และไม่ให้ตับสะสมสารพิษได้อีกด้วย ส่วนคนรักการออกกำลังกาย การกินบีทรูทก่อนออกกำลังกายก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างกายได้
แต่การกินบีทรูทก็มีข้อควรระวังอยู่นิดหน่อยนั้นคือ ไม่ควรกินในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้เกิดนิ่วได้
บลูเบอร์รี่
เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณของยาหลายชนิดรวมกันอยู่เลยทีเดียว อย่างแรกคือ ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านไวรัส รวมถึงป้องกันสารพิษในสมอง จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมแอสไพรินตามธรรมชาติ จึงช่วยความเจ็บปวดได้ด้วย
กะหล่ำปลี
เป็นผักใกล้ตัวที่มีคุณสมบัติช่วยในการลดสารพิษ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตับในการล้างพิษออกจากร่างกาย รวมไปถึงช่วยให้ตับทำลายฮอร์โมนส่วนเกิน ที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ
แต่ถึงแม้จะมีข้อดี แต่ก็ควรกินกะหล่ำปลีแบบสุก เพื่อปกป้องต่อมไทรอยด์นะคะ
ขึ้นฉ่าย
ผักฉุนกลิ่นแรงชนิดนี้ อุดมด้วยสารที่ต้านการอักเสบมากกว่า 20 ชนิด จึงช่วยกรองสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนั้นยังช่วยล้างพิษในเลือดได้ รวมถึงลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
แต่ผู้ป่วยโรคไต และผู้ที่มีปัญหาด้านเลือดออกเป็นจำนวนมากควรหลีกเลี่ยงนะคะ
แครนเบอร์รี่
ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส ที่ตกค้างในทางเดินปัสสาวะ จึงลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคจากเขื้อเหล่านี้ รวมถึงช่วยรักษาแผลในช่องท้อง และอุดมด้วยวิตามินซี จึงทำให้มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง อีกด้วย
เมล็ดแฟลกซ์
ไม่อุดมด้วยกรดไขมันดีอย่าง โอเมก้า 3 จึงช่วยบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์แล้ว เมล็ดแฟลกซ์ยังช่วยทำความสะอาดระบบต่างๆ ในร่างกายได้อีกด้วย
กระเทียม
ช่วยขจัดแบคทีเรีย และพยาธิออกไปจากร่างกาย โดยเฉพาะที่อยู่ในลำไส้ และเลือด รวมถึงต้านอนุมูลอิสระจากสารอันตรายภายในร่างกาย และกระเทียมยังช่วยขับสารพิษจากระบบทางเดินหายใจ จึงช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก รวมถึงอาการที่เกิดกับปอดและไซนัส
เกรปฟรุต
อุดมด้วยเส้นใยอาหารจึงช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลและโลหะหนักออกจากร่างกาย นอกจากนั้นยังมีสารต้านเชื้อไวรัส ที่ทำอันตรายกับร่างกายได้อีกด้วย
คะน้า
มีสรรพคุณช่วยให้สารพิษในบุหรี่มีค่าเป็นกลาง ล้างพิษในตับ และยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ล้างพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งเส้นใยของคะน้าก็ช่วยลดคอเลสเตอรอล และโลหะหนัก
ถั่ว
ถั่วที่ปรุงสุก ยังคงอุดมเส้นใยอาหาร จึงช่วยนำคอเลสเตอรอล และโลหะหนักออกจากร่างกาย นอกจากนั้นแล้วถั่วทั้งหลายยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วยนะคะ
เลมอน
มีกลูตาไธโอน ที่มีสรรพคุณช่วยช่วยล้างพิษสารเคมีต่างๆ ออกจากตับ อีกทั้งยังมีวิตามินซีสูง จึงช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งได้อีกด้วย
สาหร่ายทะเล
สาหร่ายทะเลช่วยดักจับสารปนเปื้อน รวมถึงโลหะหนักออกจากร่างกาย นอกจากนั้นแล้วยังช่วยขับโซเดียมส่วนเกิน จึงช่วยในการลดบวมจากโซเดียม
วอเตอร์เครส
ผัดสลัดยอดนิยม ที่ช่วยเพิ่มเอนไซม์ในการล้างพิษ และขับเซลล์มะเร็งออกจากร่างกาย ผ่านทางปัสสาวะ
ที่มา โรงพยาบาลขุนตาล"
["post_title"]=>
string(79) "15 อาหารล้างพิษ ออกจากร่างกาย"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(193) "15-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a9-%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-02-25 20:26:22"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-02-25 13:26:22"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246638"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
[11]=>
object(WP_Post)#2526 (24) {
["ID"]=>
int(246587)
["post_author"]=>
string(2) "74"
["post_date"]=>
string(19) "2023-02-22 00:28:06"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-02-21 17:28:06"
["post_content"]=>
string(10458) "5 อาหารช่วยสมอง ป้องกันสมองเสื่อม
ป้องกันสมองเสื่อม เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่อาการสมองเสื่อมจะเป็นปัญหาใหญ่ของชีวิต เพราะไม่เพียงสร้างความทุกข์ให้กับผู้ป่วย แต่ผู้ที่ดูแลก็ทรมานไม่ต่างกัน ซึ่งการดูแลสมอง ก็มีวิธีที่หลากหลายค่ะ อย่างวันนี้ที่แอดจะแชร์ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำได้ง่าย ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีสรรพคุณช่วย ป้องกันสมองเสื่อม
ขมิ้น
ในเครื่องเทศของอินเดียเช่น ผงกะหรี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าเคอร์คูมิน (Curcumin) มีผลในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ชาวอินเดียรับประทานสารนี้ในอาหารสม่ำเสมอ พบว่า อัตราการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในคนอินเดียต่ำที่สุดในโลก
สารเคอร์คูมินช่วยชะลอการสะสมหรือขจัดคราบพลัคที่ทำให้เกิดโรคอัลไชมอร์ โดยการลดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระจากโปรตีนอินเตอร์ลูคิน-1 เบต้าและไซโตไคน์ ซึ่งล้วนแต่ทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย
เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันอุดมไปด้วยวิตามินอีซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่ทำลายโครงสร้างสมอง เพียงกินเมล็ดทานตะวันวันละ 1/4 ถ้วย ก็จะให้วิตามินอีสูงถึง 90.5 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการวิตามินอีในแต่ละวัน
เมล็ดดอกทานตะวันยังเป็นแหล่งของแมกนีเซียมที่ดี มีสารอาหารที่ช่วยป้องกันไมเกรน มีหลักฐานการวิจัยพบว่า ระดับแมกนีเซียมมีผลต่อตัวรับและสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับไมเกรน แมกนีเชืยมจะทำงานตรงกันข้ามกับแคลเชียม เวลาที่ระดับแมกนีเซียมต่ำ แคลเซียมจะวิ่งไปที่เซลล์ประสาทและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทมากเกินไป ทำให้เซลล์ประสาทเกิดการหดตัวมากกว่าปกติ แต่หากระดับแมกนีเชียมเพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ประสาทคลายตัวผ่อนคลาย เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วยให้แมกนีเซียมประมาณ 1/3 ของความต้องการประจำวัน เราอาจจะกินเมล็ดทานตะวันในรูปอาหารว่าง หรือผสมใส่สลัด โยเกิร์ต โรยไข่ตุ๋น พาสต้า
องุ่น
มีสารพฤกษเคมีสำคัญหลายชนิด เช่น เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เควอร์ซิดิน (Quercetin) คาเทชิน และมีสารพฤกษเคมีอื่นๆ ซึ่งให้ผลในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ แนนชี เบอร์แมน แห่งโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยแคนซัส ได้เปรียบเทียบหนูที่เลี้ยงด้วยอาหารที่มีองุ่นและไม่มีองุ่น พบว่าอาหารที่มีองุ่นช่วยการทำงานของยืนที่ยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ลดการอักเสบและความเครียดจากอนุมูลอิสระในสมองได้ การอักเสบนี้เองที่ทำให้นักวิจัยเชื่อว่ามีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคที่ทำให้สมองเสื่อม
ผลการวิจัยของเบอร์แมนยังแสดงให้เห็นว่าอาหารที่เสริมองุ่นจะเพิ่มการทำงานของทรานส์ไทเรดิน(Transthyretin) ถึง 246 เท่า ทรานส์ไทเรติน คือตัวที่ต่อต้านแอมีลอยด์-เบต้าพลัค ช่วยลดการเกิดพลัคอันเป็นสาเหตุหนึ่งของอัลไซเมอร์
นักวิจัยยังพบว่า สารพฤกษเคมีในองุ่นช่วยยับยั้งการทำงานของยีนซึ่งเกี่ยวข้องกับการอักเสบที่ส่งผลให้แก่ก่อนวัยและเร่งการเกิดสมองเสื่อม เช่นโรคอัลไซเมอร์
บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่มีสารกลุ่มฟลาโวนอล (Flavonal) ชนิดแอนโทไซยานินและพลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดการอักเสบ สามารถช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุที่เริ่มมีปัญหาเรื่องความจำ และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่กลไกการทำงานของฟลาโวนอยด์ต่อสมองยังไม่ชัดเจน
การวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า สารดังกล่าวสามารถผ่านเขตแดนเลือดและสมองได้หลังจากที่บริโภคเข้าไปและจากการให้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่ทุกวัน วันละ 500 มิลลิลิตร ติดต่อกันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าสารฟลาโวนอยด์จะส่งเสริมการทำงานของเชลล์ประสาทที่เชื่อมโยงกันให้สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และกระตุ้นการสร้างเชลล์ประสาท ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้และจดจำดีขึ้น ทั้งยังลดอาการซึมเศร้า รวมถึงซะลอความเสื่อมของสมองได้อีกด้วย
ชาเขียว
มีข้อมูลการวิจัยว่า การดื่มชาเขียวสม่ำเสมอให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ป้องกันโรคตับ เพิ่มภูมิต้านทาน และยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูกและฟัน รวมถึงการทำงานของสมอง
ปัจจุบันมีการวิจัยชาเขียวมากขึ้น โดยเฉพาะชาเขียวสกัด พบว่ามีผลด้านการป้องกันความจำเสื่อมเช่น อัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน แต่กลไกการทำงานยังไม่สามารถอธิบายได้
ที่มา นิตยสารชีวจิต คอลัมน์พิเศษ
"
["post_title"]=>
string(93) "5 อาหารช่วยสมอง ป้องกันสมองเสื่อม"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(192) "5-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%aa"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(0) ""
["post_modified"]=>
string(19) "2023-02-22 00:28:06"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-02-21 17:28:06"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246587"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
}
["post_count"]=>
int(12)
["current_post"]=>
int(-1)
["in_the_loop"]=>
bool(false)
["post"]=>
object(WP_Post)#2400 (24) {
["ID"]=>
int(246805)
["post_author"]=>
string(2) "72"
["post_date"]=>
string(19) "2023-03-09 16:23:07"
["post_date_gmt"]=>
string(19) "2023-03-09 09:23:07"
["post_content"]=>
string(7337) "เรื่องที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี สุดยอดสารอาหารมากสารต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินซี คือวิตามินที่กินกับแทบทุกบ้าน เพราะเป็นสารสำคัญที่มีผลดีต่อการทำงานของร่างกาย แต่เชื่อเถอะว่า ยังมีหลายเรื่องที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับเจ้าวิตามินตัวนี้
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ
จึงดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและรวดเร็ว โดยร่างกายคนเราต้องการวิตามินซีเพียง 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน หากร่างกายได้รับมากเกินไปซึ่งเกินความจำเป็นของร่างกายก็จะถูกขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ ไม่สะสมไว้
สำคัญอย่างมากกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เพราะมีสารต้านทานอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยชะลอริ้วรอ และส่งผลให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยให้ความจำดีขึ้น เพราะช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินวิตามินซีรูปแบบเม็ดคือหลังอาหารเช้า (ประมาณ 9-10 โมงเช้า)
เพราะร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ และควรกินวิตามินซีหลังอาหาร เพราะวิตามินซีต้องการตัวนำพาเข้าสู่ร่างกาย หากกินวิตามินซีตอนท้องว่าง ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้น้อยเนื่องจากไม่มีตัวนำพา
ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวมากไม่ได้มีวิตามินซีมาก
ดูอย่าง ฝรั่ง ลูกเขียวๆ หวานๆ แต่ให้วิตามินซีสูงถึง 160 มิลลิกรัมต่อการรับประทาน 100 กรัม นั่นมากกว่าส้มที่ให้วิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม ส่วนผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงที่สุดคือมะขามป้อม มีวิตามินซี 276 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม
ผักบางชนิดที่ให้วิตามินซีสูง
เช่น ผักคะน้ามีวิตามินซี 147 มิลลิกรัม ต่อการรับประทาน 100 กรัม ขณะที่ผักปวยเล้งมีวิตามินซี 120 มิลลิกรัม บร็อกโคลีมี 89.2 มิลลิกรัม และพริกหวานมี 80.4 มิลลิกรัม
รับวิตามินซีมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย
ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินซีเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะแม้ร่างกายจะขับวิตามินซีส่วนที่เกินออกมาทางปัสสาวะ แต่หากมีการขับส่วนเกินทิ้งทุกวัน ก็มีโอกาสเกิดการตกตะกอนของผลึกวิตามินซี ทำให้กลายเป็นนิ่วในไต หรือในทางเดินปัสสาวะได้
แสง ออกซิเจน และความร้อน คือตัวทำลายวิตามินซีในธรรมชาติ
ดังนั้นเมื่อปอกผลไม้แล้วให้รับประทานให้หมดทันที เพราะเมื่อวางทิ้งไว้จะทำให้วิตามินซีสูญหายไป ขณะที่การสูบบุหรี่และความเครียดเป็นตัวเผาผลาญวิตามินซีในร่างกายไปมากที่สุด
ข้อมูลจาก : Bodylogicmd
บทความอื่นที่น่าสนใจ
"
["post_title"]=>
string(110) "เรื่องที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี"
["post_excerpt"]=>
string(0) ""
["post_status"]=>
string(7) "publish"
["comment_status"]=>
string(4) "open"
["ping_status"]=>
string(4) "open"
["post_password"]=>
string(0) ""
["post_name"]=>
string(199) "%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b9%88"
["to_ping"]=>
string(0) ""
["pinged"]=>
string(52) "
https://goodlifeupdate.com/healthy-body/246664.html"
["post_modified"]=>
string(19) "2023-03-09 16:23:07"
["post_modified_gmt"]=>
string(19) "2023-03-09 09:23:07"
["post_content_filtered"]=>
string(0) ""
["post_parent"]=>
int(0)
["guid"]=>
string(36) "https://goodlifeupdate.com/?p=246805"
["menu_order"]=>
int(0)
["post_type"]=>
string(4) "post"
["post_mime_type"]=>
string(0) ""
["comment_count"]=>
string(1) "0"
["filter"]=>
string(3) "raw"
}
["comment_count"]=>
int(0)
["current_comment"]=>
int(-1)
["found_posts"]=>
int(4122)
["max_num_pages"]=>
float(344)
["max_num_comment_pages"]=>
int(0)
["is_single"]=>
bool(false)
["is_preview"]=>
bool(false)
["is_page"]=>
bool(false)
["is_archive"]=>
bool(true)
["is_date"]=>
bool(false)
["is_year"]=>
bool(false)
["is_month"]=>
bool(false)
["is_day"]=>
bool(false)
["is_time"]=>
bool(false)
["is_author"]=>
bool(false)
["is_category"]=>
bool(true)
["is_tag"]=>
bool(false)
["is_tax"]=>
bool(false)
["is_search"]=>
bool(false)
["is_feed"]=>
bool(false)
["is_comment_feed"]=>
bool(false)
["is_trackback"]=>
bool(false)
["is_home"]=>
bool(false)
["is_privacy_policy"]=>
bool(false)
["is_404"]=>
bool(false)
["is_embed"]=>
bool(false)
["is_paged"]=>
bool(true)
["is_admin"]=>
bool(false)
["is_attachment"]=>
bool(false)
["is_singular"]=>
bool(false)
["is_robots"]=>
bool(false)
["is_favicon"]=>
bool(false)
["is_posts_page"]=>
bool(false)
["is_post_type_archive"]=>
bool(false)
["query_vars_hash":"WP_Query":private]=>
string(32) "9968ded603dd63773d07f44e88c2b60d"
["query_vars_changed":"WP_Query":private]=>
bool(false)
["thumbnails_cached"]=>
bool(false)
["allow_query_attachment_by_filename":protected]=>
bool(false)
["stopwords":"WP_Query":private]=>
NULL
["compat_fields":"WP_Query":private]=>
array(2) {
[0]=>
string(15) "query_vars_hash"
[1]=>
string(18) "query_vars_changed"
}
["compat_methods":"WP_Query":private]=>
array(2) {
[0]=>
string(16) "init_query_flags"
[1]=>
string(15) "parse_tax_query"
}
}
สุขกาย ข้อมูลการดูแลสุขภาพ น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย ได้ผลจริง จากกูรูสุขภาพ - ชีวจิต