เมนูวัยเด็ก สุดฝังใจของใครหลายคน แต่มากด้วยประโยชน์
หากลองนึกย้อนไปวัยเด็ก คนจำนวนมากคงจะมีแผลทางใจตอนวัยเด็ก (Childhood Trauma) เช่นมี เมนูวัยเด็ก ที่สุดจะฝันร้าย ถูกเพื่อนล้อ ถูกคุณครูทำโทษหนักๆ จนโตมาแผลใจเหล่านั้นก็ส่งอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต เป็นต้นว่า ตอนเด็กเคยเจอ เมนูฝันร้าย ที่รสไม่ถูกปาก ลักษณะไม่ถูกใจ หรือถูกบังคับให้กินเยอะๆ พอโตมาเราก็ไม่กินสิ่งเหล่านั้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมีประโยชน์มากมาย
แล้วเราเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเรายังจดจำเหตุการณ์ฝังใจในอดีตมาจนโต จากข้อมูลทางเพจสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า สมองคนเรามี อะมิกดาล่า (Amygdala) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ และ ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) เกี่ยวข้องกับความจำ และทั้งสองส่วนนี้ทำงานสัมพันธ์กัน โดย Amygdala กระตุ้นให้ Hippocampus บันทึกและเก็บรวบรวมความจำ ไปจนถึงว่าเรื่องราวไหนในความทรงจำ ที่ตัวเราเองมีอารมณ์ร่วมด้วยมากๆ ก็จะยิ่งถูกเก็บไว้อย่างชัดเจนและเป็นเวลายาวนาน
สำหรับบทความนี้เราจะมาไขความลับว่า 3 เมนูวัยเด็กโดยเฉพาะเมนูของหวานที่ควรเป็นของโปรดของเด็กทุกคน แต่กลายร่างเป็นเมนูฝันร้าย จริงๆ แล้วมากประโยชน์และคุณค่าทางอาหารนะเออ
1.ถั่วเขียวต้มน้ำตาล
เมนูชวนขนหัวลุกสำหรับเด็กหลายคน ถั่วเขียว เป็นถั่วเมล็ดเล็กๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร และนิยมนำมาทำอาหารได้ทั้งคาว หวาน อีกทั้งสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยจัดให้ถั่วเขียวเป็นหนึ่งในอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ จัดอยู่ในอาหารประเภทเดียวกับข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เนื่องจากเมื่อเรากินถั่วเขียวเข้าไป การย่อยและการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
น้ำถั่วเขียวต้มน้ำตาลมีสรรพคุณมากมาย เช่น แก้อาการกระหายน้ำ แก้ร้อนใน ขับพิษไข้ ลดการอักเสบของสิว และ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เราสามารถใช้หญ้าหวาน ชะเอม หรือน้ำผึ้ง เพื่อเพิ่มความหวานแทนการใช้น้ำตาลได้
2. แกงบวดฟักทอง
ใครเคยฝังใจกับความเละ และนิ่มๆ เหลวๆ จนไม่อยากกินต่อของเมนูนี้กันบ้าง ซึ่งความเละของเนื้อฟักทองแกงบวดมาจากการต้มที่นานเกินไป จนทำให้บางคนขยาดขอลาขาด แต่จริงๆ ตัวฟักทอง นั้นเป็นแหล่งเเร่ธาตุโพแทสเซียม เบต้าเเคโรทีน แคลเซียม แมกนีเซียม และยังมีกลุ่มของวิตามินอี วิตามินซี และวิตามินบีอีกด้วย
การทานฟักทองสามารถช่วยลดความเสี่ยง โรคกลุ่มแมตาบอลิกได้ คือกลุ่มของโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง รวมไปถึงโรคของสมองเเละหลอดเลือดโรคหัวใจ ไปจนถึงมีหลักฐานการวิจัยระบุว่า การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพสามารถลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะการกินสารอาหารที่มีส่วนประกอบของสารแอนติออกซแดนท์ เช่น สารแคโรทีนอยด์ วิตามินเอ วิตามินอี ซึ่งสามารถหาได้ในฟักทอง แต่สุดท้ายการทำฟักทองแกงบวด ถ้าจะให้มีคุณค่าเพิ่มขึ้น สามารถเปลี่ยนกะทิเป็นน้ำนมถั่วเหลือง ก็จะกลายเป็นเมนูอาหารหวานแบบชีวจิตที่ไม่ควรพลาด
3. เต้าส่วนทรงเครื่อง
ขนมหวานยอดฮิตที่ต้องกินหลังอาหารกลางวัน ด้วยความเหนียว ประหนึ่งที่ตอนเด็กๆ ชอบล้อกันว่าเป็นขนมขี้มูก ทำให้ฝังใจจนไม่กล้ากิน ยิ่งเมื่อเย็นตัว ความเหนียวก็ยิ่งทวีคูณไปอีก จนบางครั้งก็ต้องเขี่ยกินแต่ข้าวโพดกับมะพร้าวอ่อนที่อยู่ในนั้น และด้วยความที่เต้าส่วนเป็นขนมหวานแบบไทย ที่ใช้ถั่วเขียวกระเทาะเปลือกเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีประโยชน์ทั้งโปรตีนและใยอาหาร (คลิกที่นี่ ประโยชน์ถั่วเขียวกินสู้เบาหวาน)
แต่นอกจากถั่วเขียว เต้าส่วนทรงเครื่องยังมีส่วนประกอบอย่าง ข้าวโพด ซึ่งเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินเอค่อนข้างสูง สามารถช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณได้ดี และมีวิตามินบี แร่ธาตุ และเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากอนุมูลอิสระ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด เป็นต้น และด้วยความที่ข้าวโพดมีเส้นใยอาหารสูง ทำให้ช่วยระบบย่อยได้ดีรวมถึงบรรเทาอาการผิดปกติทางลำไส้ แก้อาการท้องผูก อาการริดสีดวงได้อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
- www.facebook.com/ThaiPsychiatricAssociation/
- www.medthai.com
- www.healthline.com/nutrition/pumpkin