วิตามิน A / C / K / D / E มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
วิตามิน คืออะไร ตอบชัด ๆ เลยว่า วิตามินที่เข้าสู่ร่างกายของเราส่วนใหญ่ได้มาจากอาหารที่กินเข้าไป กับส่วนหนึ่งร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเอง วิตามินที่ดีที่สุดต้องสกัดจากอาหาร แต่ถึงแม้วิตามินจะมาจากอาหาร เราก็ใช้วิตามินแทนอาหารไม่ได้ เพราะฉะนั้นจง อย่าเข้าใจว่า วิตามินคือ ยาวิเศษ หรือยาบำรุง
วิตามินไม่ใช่ยา แต่เป็นสารสกัดจากสิ่งมีชีวิต (Organic) ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ช่วยทำให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงาน ได้โดยถูกต้อง และช่วยให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ถ้าขาดวิตามิน และแร่ธาตุ ร่างกายจะหยุดทำงาน
คุณประโยชน์ของ วิตามิน
วิตามินเอ
พบได้ในผัก ผลไม้ เช่น กล้วย มันเทศ มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศ กระถิน ขี้เหล็ก แครอท ตำลึง ใบทองหลาง ใบมันสำปะหลัง ใบมะขาม ใบมะยมอ่อน มะละกอสุก ส้มเขียวหวาน นม เนย มาร์การีน สับปะรด ข้าวโพด ผักบุ้ง มะม่วงสุก คะน้า ผักกาดหอม ถั่ว ถั่วเหลือง เนยแข็ง นม ไข่
ประโยชน์ต่อร่างกาย : วิตามินเอมีประโยชน์บำรุงตา ฟัน กระดูก ผม ผิว เนื้อเยื่ออ่อน ช่วยเสริมเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย และเมื่อเริ่มเป็นหวัดในขนาดสูง จะป้องกันได้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวนุ่ม และเกลี้ยงเกลา ต้านทานการติดเชื้อโรค และยังมีรายงานว่าอาจป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ด้วย
อาการขาดวิตามิน : ร่างกายจะแคระ ไม่โต ฟันจะผุง่าย เพราะเคลือบฟันไม่แข็ง ผมจะร่วง หนังศีรษะเป็นขุย มีรังแค ผิวจะแห้งเป็นเกล็ด จะเป็นสิวที่หลัง รูขุมขนใหญ่ เนื้อเยื่ออ่อนไม่แข็งแรง และยังทำให้เป็นหวัดง่าย ติดเชื้อทางหู ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ตาฟางในตอนกลางคืน นัยน์ตาแห้งแดงอักเสบ ตาไม่สามารถสู้แสงได้ และอาจเป็นหมัน หรือนิ่ว
วิตามินซี
พบได้ในผักสด ผลไม้สด ส้ม มะเขือเทศ กล้วย ตำลึง ดอกแค ใบทองหลาง ใบมะยมอ่อน ใบมะละกออ่อน ผักกระเฉด ผักกาดขาว ผักโขม ผักคะน้า พริก เชอร์รี่ ฝรั่ง มะกอกไทย มะขามป้อม มะละกอสุก สับปะรด กะหล่ำปลี แครอท กะหล่ำดอก แตงกวา ผักกาดหอม หัวหอม ถั่ว งา
ประโยชน์ต่อร่างกาย : เป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ มีความสำคัญในการรักษาเหงือก ฟัน กระดูก หน้าที่สำคัญ คือ ช่วยร่างกายสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นการที่ยึดเซลล์ การกินวิตามินซีจะทำให้ผิวสวย เล็บสวย เหงือก เลือดดี เพิ่มความต้านทานโรค ทำให้แผลหายเร็ว ไม่เกิดอาการแพ้ต่าง ๆ ง่าย นักโภชนาการว่า การกินวิตามินซี กับวิตามินเอ จะทำให้หวัดหายเร็วขึ้น (วิตามินซี 2,000 – 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน) สกัดมะเร็งไม่ให้ลุกลามป้องกัน และรักษามะเร็งได้ แต่ข้อที่ว่าวิตามินซีสร้าง ความต้านทานต่อมะเร็งนั้น ยังไม่ยืนยันแน่นอน
อาการขาดวิตามิน : มีเลือดออกตามไรฟัน เบื่ออาหาร เหงือกบวมในเด็ก น้ำหนักตัวจะลด โลหิตจาง ติดเชื้อง่าย ท้องไส้ผิดปกติ แผลในกระเพาะอาหารต้องการวิตามินซีสูง ๆ และการขาดวิตามิน จะทำให้ผนังเนื้อเยื่อเปราะ เส้นเลือดแตกง่าย ตับจะอักเสบ หากเกิดอาการขาดที่รุนแรง จะทำให้เป็นมะเร็งได้ง่าย

วิตามินเค
พบในผักสด ผลไม้ คะน้า รำข้าว กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ มะเขือเทศ ข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง
ประโยชน์ต่อร่างกาย : ช่วยให้เลือดแข็งตัว คือวิตามินเค จะผลิตสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว
อาการขาดวิตามิน : เวลามีแผล เลือดจะแข็งตัวช้า และเลือดจะหยุดไหลช้า
วิตามินดี
พบในเนย เนยแข็ง นม และควรถูกแดดทุกวัน วันละ 2 – 3 ชั่วโมง
ประโยชน์ต่อร่างกาย : มีประโยชน์ต่อกระดูก และฟัน ช่วยในการย่อยอาหาร เพิ่มพลังงาน ช่วยรักษาสิวร่วมกับบี 6 ถ้ากินในขนาดสูง ๆ จะรักษาข้ออักเสบ เรื้อน
อาการขาดวิตามิน : ในเด็กจะเกิดเป็นโรคกระดูกอ่อน วิตามินดี จะทำงานได้ ต้องมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
วิตามินอี
พบในรำละเอียด และพวกธัญพืช ข้าวโพด ถั่วแดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวัน งา น้ำมันรำ น้ำมันถั่วลิสง
ประโยชน์ต่อร่างกาย : จะช่วยเร่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ ทำให้แผลเป็นหายเร็วขึ้น ช่วยในการจับตัวของรกกับผนังมดลูก หากขาดวิตามินอี กล้ามเนื้อจะไม่แข็งแรง เกิดการตกเลือด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคประสาท ในระยะหมดประจำเดือนด้วย และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยละลายเลือดที่แข็งตัว ป้องกัน การอุดตันของหลอดเลือด เช่น หัวใจ สมอง และยังป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ด้วย

อาการหรือสัญญาณความผิดปกติที่เกิดจากการ “ขาด” วิตามินที่พบได้บ่อย
จริง ๆ อาการขาดวิตามินและแร่ธาตุที่พบบ่อยในแง่ของโภชนาการจะมีอาการแสดงหลายอย่าง ขอยกตัวอย่างที่พบบ่อยมาให้อ่านกันสักหน่อยนะคะ
ㆍขาดวิตามินเอ
ทำให้เกิดอาการเกี่ยวกับดวงตาและการมองเห็น เริ่มจากตาบอดกลางคืน หากไม่ได้รับการรักษาอาการจะรุนแรงถึงขั้นกระจกตาขุ่นเหลวและตาบอดในที่สุด รวมทั้งทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ติดเชื้อง่าย ป่วยบ่อย
ㆍขาดวิตามินซี
จะมีภาวะเลือดออกตามไรฟัน โรคลักปิดลักเปิด ติดเชื้อง่าย แผลหายช้า ผิวหนังแห้งแตก หยาบกร้าน หมองคล้ำ ผมร่วง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ข้อบวม เท้าบวม ซึมเศร้า
ㆍขาดวิตามินเค
เมื่อมีบาดแผลเลือดออก เลือดจะแข็งตัวยากหรือหยุดยาก
ㆍขาดวิตามินอี
จะมีความผิดปกติที่เซลล์ประสาทและระบบประสาท ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ㆍขาดวิตามินดี
จะสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูก เนื่องจากร่างกายจะสลายแคลเชียมออกจากกระดูกตลอดเวลา นำไปสู่โรคกระดูกน่วมในผู้ใหญ่และโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ เสี่ยงกระดูกหักง่าย สูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ เนื้อตัว ต้นแขนต้นขาอ่อนแรง
ทำความรู้จัก วิตามินดี 3 (Cholecalciferol)
เป็นวิตามินอีกชนิดที่ร่างกายสร้างได้เองจากการสังเคราะห์ในชั้นผิวหนัง ด้วยเหตุนี้บางคนจึงเรียกวิตามินดี 3 ว่า “Sunshine Vitamin” หรือวิตามินแสงอาทิตย์
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 90 ของวิตามินดี 3 จะสร้างจากคอเลสเตอรอลชั้นใต้ผิวหนังเมื่อกระทบแสงแดด UVB แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของคนส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนเมืองที่ใช้ชีวิตกลางแจ้งน้อยลง อยู่กลางแดดนานๆน้อยมาก ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในที่ร่มเสียมากกว่า อีกทั้งยังมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด สวมหมวก กางร่ม สวมเสื้อแขนยาว
จากการศึกษาหลายชิ้นจึงพบว่า คนไทยราว 50 – 80% มีภาวะพร่องวิตามินดี และอีกประมาณ 5 – 40 % ขาดวิตามินดี โดยคนในเมืองจะขาดวิตามินดีค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม อุบัติการณ์การขาดวิตามินดีจะพบมากในกลุ่มประเทศเมืองหนาว เนื่องจากมีช่วงเวลาที่ไม่ได้รับแสงแดดค่อนข้างมาก ดังนั้นหน่วยงานสาธารณสุขในหลายประเทศจึงมีการผสมวิตามินดีลงไปในอาหารหลักของชาวเมือง เช่น นม ซีเรียล เพื่อป้องกันไม่ให้ประชากรของตนขาดวิตามินดี
ส่วนบ้านเราเองยังไม่เจอปัญหามากเท่ากลุ่มประเทศเมืองหนาว กระทรวงสาธารณสุขจึงยังไม่ได้มีการเติมวิตามินดีในอาหารบ้านเรา ดังนั้นหากสามารถรับแสงแดดโดยตรงช่วง 10.00-14.00 น. นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยมีเสื้อผ้าปกปิดผิวหนังน้อยชิ้นที่สุด ก็จะช่วยให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดี 3 ได้ แต่ในชีวิตประจำวันผู้คนส่วนมากคงยากที่จะทำได้เป็นประจำ และอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังหรือการได้รับมลพิษ ดังนั้นหมอจึงแนะนำให้ออกกำลังกายกลางแจ้งบ้าง รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีให้เพียงพอ เช่น เห็ด เต้าหู้ ปลาน้ำจืดที่มีไขมันมาก (ควรรับประทานปลากลุ่มนี้เป็นประจำทุกวัน) อาจเลือกรับประทานนม นมถั่วเหลือง นมโอ๊ต นมอัลมอนด์ที่มีการเติมวิตามินดี เติมแคลเซียมเพิ่มลงไป ก็ช่วยให้ไม่ขาดวิตามินดีได้

วิตามินดี 3 มีอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง
บทความเรื่อง “Foods High in Vitamin D3” ซึ่งรีวิวโดย นายแพทย์มะฮัมหมัด จูเบอร์ (Mahammad
Juber) และเผยแพร่ใน Web MD เว็บไซต์ที่อุดมไปด้วยคอนเทนต์งานวิจัยเชิงสุขภาพและข้อมูลทาง
การแพทย์ระดับแนวหน้า ระบุว่า วิตามินดี 3 นอกจากร่างกายจะสังเคราะห์ได้จาก UVB แล้ว ยังพบได้ใน
เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ดังต่อไปนี้
- ปลาเรนโบว์เทราต์ หรือปลาเทราต์สายรุ้ง(Rainbow Trout) ปลาน้ำจืดที่เพาะเลี้ยงในฟาร์ม โดยพบว่าในปริมาณเพียง 85 กรัม สามารถให้วิตามินดี 3 ประมาณ 645 IU และยังให้โอเมก้า-3 สูงอีกด้วย-ปลาแซลมอนช็อกอาย หรือปลาแซลมอนแดง(Sockeye Salmon) ให้วิตามินดี 3 ประมาณ 570 IU
- ปลาซาร์ดีน ให้วิตามินดี 3 ประมาณ 200 IU อีกทั้งยังให้วิตามินบี 12 และโอเมก้า-3
- ไข่ ให้วิตามินดี 3 ประมาณ 44 IU อีกทั้งยังให้โปรตีนและแร่ธาตุอื่น ๆ อีกหลายชนิด
- ตับวัว ให้วิตามินดี 3 ประมาณ 42 IU อีกทั้งยังให้โปรตีนและแร่ธาตุอื่น ๆ อีกหลายชนิด
ทั้งนี้ปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายต้องการต่อวันจะอยู่ที่ประมาณวันละ 500 -600 IU โดยมีรายงานระบุว่า การได้รับวิตามินดีปริมาณเกิน 40,000 IU (หรือราว1,000 ไมโครกรัม/วัน หรือ 1 มิลลิกรัม) อาจมีภาวะวิตามินดีเป็นพิษได้

NAT-D Food วิตามิน D3 ทางเลือกใหม่ของคนยุคใหม่
ถ้าความเร่งรีบ และแสงแดดในเมืองไม่อำนวยในการเพิ่มวิตามินดี 3 ให้กับร่างกาย การมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น และกระดูกที่หนาแน่นขึ้น อย่าง NAT D ซึ่งประกอบด้วยวิตามินดี 3 ในปริมาณสูงก็เป็นอีกทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
NAT D มีวิตามินดีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อการรักษากระดูกให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างและรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยการรับประทานเพียงวันละ 1 แคปซูล ให้วิตามินดี 3 รูปแบบเดียวกับที่สร้างขึ้นในร่างกาย ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับวิตามินดีในร่างกายได้ดี
- ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้หายป่วยเร็วขึ้น
- ช่วยป้องกัน ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน
- ช่วยควบคุมการหลั่งสารคลายเครียด ป้องกันภาวะซึมเศร้า
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต
บทความอื่นที่น่าสนใจ
การแช่เท้าด้วยยาจีนช่วย แก้ปวดประจำเดือน
เปิดตำราหมอ ฮิปโปเครตีส ผู้บัญญัติศัพท์ “Cancer” หรือมะเร็ง คนแรกของโลก
สังเกตลิ้น เช็ค แพ้อากาศ + ไรฝุ่น
เกลือและโซเดียม ภัยเงียบบั่นทอนสุขภาพ
5 วิธีลดความดันโลหิตสูง ด้วยตัวเอง
ติดตามชีวจิตได้ที่









