เส้นเอ็น IT Band เป็นเส้นที่อยู่ด้านข้างของกล้ามเนื้อต้นขา ในเวลาที่วิ่งกล้ามเนื้อจะมีการหด และยืดตัวตามจังหวะก้าว ทำให้เจ็บที่ด้านข้างของสะโพก ต้นขาด้านข้าง และเข่าด้านข้าง
ฐานข้อมูลของ American Society of Clinical Oncology สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การออกกำลังกายที่มุ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันและรับมือโรคมะเร็งควรมีการผสมผสานแนวทางการออกกำลังกาย 5 ประเภท ดังนี้
ข้อมูลจากการศึกษาของ Nurses’ Health Study ภายใต้การสนับสนุนของ Brigham and Women’s Hospital, Harvard Medical School, Harvard T.H. Chan School of Public Health ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า จากการศึกษาสุขภาพของพยาบาลหญิงที่อยู่ในวัยทองจำนวนกว่า 60,000 คน พบว่าในจำนวนนี้ผู้ที่ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว อย่างน้อย 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยไม่ได้เสริมอาหารพิเศษใด ๆ จะมีความเสี่ยงกระดูกข้อสะโพกหักต่ำกว่า ผู้ที่ออกกำลังกายด้วยการเดินด้วยความเร็วปกติหรือ ไม่ได้ออกกำลังกายด้วยการเดินเลย
เหงื่อออกมากอาจเป็นสัญญาณของระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป เมื่อระดับน้ำตาลต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เหงื่อของคุณอาจจะท่วมตัวเลย อ้างอิงจาก University of Michigan Medicine นั่นมาจากเมื่อร่างกายเกิดภาวะเครียด ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนเอาตัวรอดที่ชื่อว่า อะดรีนาลีน ที่ทำให้เหงื่อออก
ส่วนกลุ่มอาการเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ ส่วนงันงก หงุดหงิดและหัวใจเต้นเร็ว ล้วนเป็นอาการที่ก่อให้เกิดภาวะเครียดเช่นกัน (อ้างอิงจาก American Diabetes Association ) และอาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่จริงจังมากขึ้น ทางที่ดีควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว
นายแพทย์ดีน ออร์นิช ได้รวมกลุ่มกับเพื่อนก่อตั้งสถาบัน Preventive Medicine Research Institute ขึ้นในแคลิฟอร์เนีย และ ณ สถาบันนี้เองที่เขาได้ค้นคว้า วิธีป้องกันและรักษาโรคหัวใจ จนได้รับความสำเร็จมีชื่อก้องไปทั่วโลก
หากใครเคยได้ยินประโยคที่ว่า An apple a day keeps doctor away กินแอปเปิ้ลวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอ ใช่ค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำ ประโยชน์ของแอปเปิ้ล ที่ประโยชน์ไม่ได้มีเพียงแค่ช่วยลดน้ำหนัก แต่มีประโยชน์เพื่อสุขภาพรอบด้าน แถมแอปเปิ้ลแต่ละสีก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน และเมื่อแปรรูปเป็นไซเดอร์ ก็มีประโยชน์มากๆ ด้วยเช่นกัน
ประโยชน์ของแอปเปิ้ล สีต่างๆ
แอปเปิ้ลแดง
เป็นที่คุ้นตากันที่สุด โดยเฉพาะพันธุ์ Red Delicious ที่มีจุดเด่นในเรื่องสุขภาพคือ มีสารแอนติออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
จากงานวิจัยชื่อ Meditative Movement for Depression and Anxiety ตีพิมพ์ใน US Library of Medicine National Institutes of Health พบว่า การออกกำลังกายช้า ที่ต้องเพ่งสมาธิอยู่กับการเคลื่อนไหวเนิบช้า แบบที่เรียกว่า Meditative Movement (MM) จะช่วยลดความเครียด กังวล และภาวะซึมเศร้า แถมยังเพิ่มพลังบวก ความสงบใจ การผ่อนคลายร่างกาย ช่วยสร้างความสมดุลให้สุขภาพโดยรวม แถมยังลดความดันโลหิต ลดการอักเสบ เพิ่มระดับอิมมูนซิสเต็ม หรือภูมิคุ้มกันอีกด้วย
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Korean Nutrition Society ให้ข้อมูลการทดลองว่า หลังจากทีมนักวิจัยเลี้ยงอาหารหนูทดลองจนอ้วน จากนั้นจึงป้อนสารสกัดจากใบกุยช่ายต่อเนื่องนาน 4 สัปดาห์ หลังสิ้นสุดการทดลอง ผลปรากฏว่า หนูทดลองมีระดับไขมันในเลือดลดลงอย่างเห็นได้ชัด
งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of the National Cancer Institute ซึ่งเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอาหารประจำวันของชายชาวจีน ในเมืองเซี่ยงไฮ้ จำนวน 238 คน พบว่า ผู้ที่กินกุยช่ายและพืชในตระกูลเดียวกันเป็นประจำมากกว่าวันละ 10 กรัม จะลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้
ทั้งนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งที่อวัยวะอื่นๆ ด้วย เช่น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ดังปรากฏในวารสารวิชาการ The American Journal of Clinical Nutrition และ Journal of Nutrition
ว่าแต่ การออกกำลังกายแบบไหนที่ให้ผลสูงสุด โดยเฉพาะหากต้องการอายุยืนอย่างมีคุณภาพ จากคำถามนี้ คุณหมอเหมาชิงนิ เจ้าของหนังสือ Secrets of Longevity : Hundreds of Ways to Live to Be 100 แนะนำดังนี้
มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก เป็นโรคหัวใจ หรือกำลังเป็นโรคเบาหวาน และจากวารสารของ The American College of Nutrition ระบุว่า การกินอัลมอนด์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินในผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้อีกด้วย
และจากข้อมูลในหนังสือ Cracking the Metabolic Code: The Nine Keys to Peak Health โดยคุณหมอเจมส์ บี. ลาเวลล์ (James B. Lavalle R.P.H. C.C.N. N.D.) พบว่า ตับจะเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยขับท็อกซินออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นท็อกซินที่เกิดจากการย่อยอาหารและเผาผลาญพลังงานในร่างกายเรา รวมทั้งฮอร์โมน หรือท็อกซินที่เข้าสู่ร่างกายจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสารอนุมูลอิสระ สารเคมีที่ใช้ในบ้าน มลพิษจากสิ่งแวดล้อม ยาต่างๆ
How to Fix: พยายามพาตัวเองไปอยู่ในสภาวะหรือสถานที่ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายให้เร็วที่สุด อาจใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ช่วยได้ เช่น ใช้กลิ่นหอมบำบัด (aromatherapy)
• คุณเป็นคนที่…กลัวผิดพลาด ชอบคิดถึงอนาคต หนักใจ ร้อนใจ วุ่นวายใจในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง จิตใจไม่อยู่กับปัจจุบัน ขาดความมั่นใจ ชอบลังเลสงสัย และคลางแคลงใจ อารมณ์ดังกล่าวข้างต้น เป็นที่มาของภาวะวิตกกังวล (anxiety) การศึกษาของ San Francisco VA Medical Center ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่มีภาวะวิตกกังวลมักจะไม่ค่อยดูแลตัวเอง มักจะกินนอนไม่ถูกต้อง และมีแนวโน้มว่าจะสูบบุหรี่ และออกกำลังกายน้อยกว่าปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ป่วยเป็นสโตรกได้
• คุณเป็นคนที่…ชอบคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มีเพื่อนแท้ ไร้ที่พึ่ง หงอยเหงา เปล่าเปลี่ยว หรือมักรู้สึกเบื่อ ละเหี่ยใจ เอือมระอา ห่อเหี่ยว สิ้นหวัง และหมดอาลัยตายอยาก หากความรู้สึกใดความรู้สึกหนึ่งตามที่กล่าวมาเกิดขึ้นบ่อยๆ ความรู้สึกด้านลบดังกล่าว จะนำมาซึ่งภาวะหดหู่ใจ (depress) ซึ่งอารมณ์นี้จะทำร้ายหลอดเลือดไม่เป็นรองใครเช่นกัน ดร. โรเบิร์ต เอ็ม. คาร์นีย์ อาจารย์ด้านจิตวิทยาเวชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Washington University School of Medicine ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าคนวัยกลางคนที่มีอาการ ท้อแท้หดหู่ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองที่อันตรายถึงแก่ชีวิตมากกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า
นอกจากอาหารจะช่วยให้ท้องอิ่ม ร่างกายมีพลังงานแล้ว อาหารยังสัมพันธ์กับสุขภาพของเราอีกด้วย เหมือนคำที่ว่า “You are what you eat.” หากกินอาหารที่ดี ร่างกายก็มีโอกาสแข็งแรง
วิธีที่แนะนำนี้ คิดค้นโดย ดร.คริสตินา สก๊อต มอนคริฟฟ์ (Dr. Christina Scott-Moncrieff) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการล้างพิษ เจ้าของผลงานหนังสือคู่มือดีท๊อกซ์ระดับเบสต์เซลเลอร์เช่น Complete Detox Workbook และ Detox: Cleanse and Recharge Your Mind, Body and Soulและเป็นสมาชิกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ สิ่งแวดล้อม และโภชนาการทางคลินิกแห่งสหราชอาณาจักร (The British Society for Allergy, Environmental and Nutritional Medicine) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนวัยทำงานผู้สนใจดูแลสุขภาพได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตและตารางการใช้เวลาของตนเอง
นี่เป็นคำถามที่คุณพี่ท่านหนึ่งถามขึ้น ระหว่างที่ Sporty Nan ชีวจิตกูรูของเรากำลังบรรยายเรื่องการออกกำลังกายชะลอวัย อยู่บนเวที งาน Happy Life ที่จัดร่วมกับโรงพยาบาลพญาไท ณ Food Villa เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านี้ สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งสหราชอาณาจักร (The Association of UK Dietitians) ยังตั้งข้อสังเกตว่า อาหารโลว์จีไอ มีผลช่วยลดอาการสิวเห่อ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome) ได้อีกด้วย
ทั้งมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (Monounsaturated Fatty Acid) สูง ซึ่งมีรายงานยืนยันจาก American Journal of Clinical Nutrition ว่า สามารถต้านการอักเสบและช่วยสนับสนุนให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อาหารเรียกสิว True or False
True : นมวัว คืออาหารที่ Journal of the American Academy of Dermatology รายงานว่าเป็นตัวการก่อสิว โดยเก็บข้อมูลจากนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลาย 47,355 คน เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่กินประจำวันกับการเกิดสิว พบว่า นมวัว ทั้งชนิดไขมันเต็มและพร่องมันเนยมีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวในวัยรุ่น จากผลการทดลองนักวิจัยตั้งสมมุติฐานว่า ฮอร์โมนและโมเลกุลออกฤทธิ์ทางชีวภาพในนมวัวอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดสิว
False : ช็อกโกแลต ไม่ก่อให้เกิดสิว ยืนยันโดย The Journal of the American Medical Association ศึกษาในผู้ที่มีปัญหาสิวระดับปานกลางจำนวน 65 คน โดยทดลองให้กลุ่มแรกกินขนมที่มีช็อกโกแลตเป็นส่วนประกอบมากถึง 10 เท่าของขนมปกติ อีกกลุ่มกินขนมที่ไม่มีส่วนประกอบของช็อกโกแลต โดยนับปริมาณสิวบนใบหน้าก่อนและหลังการทดลอง พบว่า ไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ที่กินและไม่กินขนมผสมช็อกโกแลต
หนังสือ The America Cancer Society’s book กล่าวว่า กระบวนการก่อตัวของเซลล์มะเร็งนั้นเกิดจากปัจจัยหลากหลายทั้งจากภายนอกและภายใน เช่น สารก่อมะเร็งที่คนเราได้รับในชีวิตประจำวัน และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้เซลล์ทำงานผิดปกติ
นอกจากนี้ การดื่มแอลกฮอล์ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งด้วยดังที่ The National Institutes of Public Health in Denmark ศึกษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชากรชายชาวเดนมาร์คจำนวน 30,000 คน พบว่าผู้ชายที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์มากกว่าวันละ 2 แก้วทุกวัน จะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Rectal Cancer) มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มสามเท่า
The American Cancer Society เผยว่าในจำนวนผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดนั้น มีผู้ที่สูดควันบุหรี่มือสองเป็นจำนวนถึง 3,000 คน และผู้ที่ได้รับสารพิษที่ตกค้างจากควันบุหรี่ในสิ่งแวดล้อม เช่น เส้นผม เสื้อผ้า ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับสารเคมีและสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะสารตะกั่วมากเช่นเดียวกับบุหรี่มือสอง
นอกจากนี้ สารตะกั่วแล้วสารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้านยังส่งผลเสียต่อร่างกายด้วย ดังผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Occupational and Environmental Medicine ที่พบว่าสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนนั้นมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก
สำหรับการหุงข้าวเพื่อลดสารอันตรายเหล่านี้ มีงานวิจัยมากมาย โดยวิธีที่จะแนะนำ มีด้วยกัน 3 วิธี จากศาสตราจารย์แอนดี เมฮาร์ก นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ และงานวิจัยใหม่ล่าสุดจาก University of Sheffield ประเทศอังกฤษ ในวารสาร Science of the Total Environment
2.1 สูตรยาเถาเหรินเฉิงซี่ทัง (Tao Ren Cheng Qi Tang, Peach Pit Decoction to Order the Qi) ช่วยให้ก้อนลิ่มเลือดที่อุดตันค้างไว้หลุดออกจากการเกาะติดหลอดเลือดทั่วร่างกาย ตัวยาชนิดนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านยาจีนทั่วไปค่ะ ยังมียาจีนอื่นอีกสำหรับการสลายลิ่มเลือดที่หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ แก้อาการเจ็บ หน้าอกได้ คือ สูตรยาเสวี่ยฝูจ๋ออวี่ทัง (Xue Fu Zhu Yu Tang, Drive Out Stasis in the Mansion of Blood Decoction)
2.2 ยาสมุนไพรซานชี (San Qi) มีสรรพคุณช่วยเดินเลือดเหมือนกัน เป็นส่วนประกอบหลักในสูตรยาอวิ๋นหนานไป้เหย้า (Yun Nan Bai Yao) ที่แพทย์แผนจีนนิยมใช้กับผู้ป่วยที่บาดเจ็บ เป็นแผล กระดูกหัก ช่วยสมานแผลได้ดี
หากเลือกฟังผลกับคุณหมอก็จะได้รับวิตามินที่ปรุงขึ้นเพื่อตัวเราเลย แต่แอดเลือกออนไลน์ ทางศูนย์ Royal Life Bangkok by BDMS Wellness Clinic ก็จะส่งตัววิตามินมาให้ที่บ้าน สำหรับโปรแกรม BWC Antioxidants Plus Customized Vitamin สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามได้ที่ www.bdmswellness.com